ศาลคดีทุจริตฯอ่านคำพิพากษาฎีกาแก้สั่งคุก 2 ปี 'เบญจา หลุยเจริญ' อดีต รมช.คลัง-พวก พร้อมคนใกล้ชิด 'คุณหญิงพจมาน' คดีช่วยเหลือให้ 'พานทองแท้-พินทองทา' ไม่ต้องเสียภาษี การซื้อหุ้นชินคอร์ปฯ เมื่อปี 49 ราชการเสียหาย 1.5 หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อท.43/2558-อท.(ผ)168/2559 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร นายกริช วิปุลา นุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีช่วยเหลือนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร (คุณากรวงศ์) บุตรของนายทักษิณ ไม่ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย จากกรณีการซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 เสียหายกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
วันนี้จำเลยที่ 1-5 มาศาล เบื้องต้นศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาทุกข้อของจำเลยที่ 1-5 ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยที่ 1-4 อ้างว่า ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนทั้งทางอาญาและทางวินัย ขอให้ศาลลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่า พฤติการณ์การกระทำผิดดังกล่าวร้ายแรง ส่วนจำเลยที่ 5 มีพฤติการณ์ปกปิดข้อเท็จจริงการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงไม่ลงโทษสถานเบา อย่างไรก็ดีจำเลยที่ 1-5 ให้ทางนำสืบพอเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงพิพากษาแก้ลดโทษให้ 1 ใน 3 โดยจำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 5 ฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2562 ในการนัดหมายอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยที่ 5 อ้างว่า ป่วยกะทันหัน เป็นโรคบ้านหมุน ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ระหว่างวันที่ 25-27 พ.ย. 2562 โดยทนายจำเลยที่ 5 มีใบรับรองแพทย์มายื่นคำร้องขอให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาไปก่อน ศาลฯ พิเคราะห์แล้ว น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 5 ป่วยจริง จึงเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 26 ธ.ค. 2562 เวลา 10.00 น.
สำหรับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น นางเบญจา น.ส.จำรัส น.ส.โมรี และนายกริช มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 83 จำคุกคนละ 3 ปี ส่วน น.ส.ปราณี มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 86 มีโทษ 2 ใน 3 ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยทั้งหมด จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
สำหรับรายละเอียดคดีนี้ จำเลยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า ช่วยเหลือนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ไม่ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย จากกรณีการซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164.6 ล้านบาท ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท (ราคาตลาดขณะนั้น 49.25 บาท) ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้นคนละ 7,941,950,000 บาท (ราว 7.9 พันล้านบาท) รวม 1.5 หมื่นล้านบาทเศษ ทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย (อ่านประกอบ : อุทธรณ์ยืนคุก3ปีไม่รอลงอาญา!อดีต รมช. คลัง-พวก ช่วย‘โอ๊ค-เอม’ไม่จ่ายภาษีซื้อชินคอร์ป)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/