20 พ.ย.ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ให้การขัด-ทนายไม่รู้รายละเอียดในสัญญา

ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัย 20 พ.ย. 62 หลังไต่สวนพยาน 10 ปากคดีหุ้นสื่อ ‘วี-ลัค’เผยเป็นการไต่สวนพยานมากที่สุด ‘ธนาธร’ จำไม่ได้หลายประเด็น ยันวางแพลนตารางโอนหุ้นหรือปราศรัยหาเสียงก่อน คำนวณแล้วกลับด้วยรถ ใช้เวลาพอ ๆ กับนั่งเครื่องบิน ไม่รู้เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้นเท่าไหร่ให้ ‘ภรรยา’ จัดการ-ลั่นครอบครัวไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ลั่นทำธุรกิจมา 20 ปีโอนหุ้นเป็นร้อยครั้ง ไม่เคยดูเอกสารฝ่ายทะเบียนผู้ถือหุ้น ช่วงท้ายให้การขัดกับทนายอ้างว่าถึงบ้าน 16.00 น. แต่ยังไม่เจอ 'ธนาธร' แถมถูกขังกา เป็นคนเขียนสัญญา แต่จำรายละเอียดหุ้นไม่ได้

PIC thanatorn 18 10 62 1
(นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนเดินทางเข้าศาล, ภา่พจาก พรรคอนาคตใหม่)

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนพยาน 10 ปาก คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ร้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้อง ให้วินิจฉัยกรณีการถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจสื่อ เข้าข่ายลัคษณะต้องห้ามการลงสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่

สำหรับพยานบุคคลจำนวน 10 ปาก ประกอบด้วย 1.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2.นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 3.นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 4.คุณปิติ จรุงสถิตย์พงศ์ 5.นายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ 6.น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม พนักงาน บริษัท วี-ลัคฯ 7.น.ส.กานต์ฐิตา อ่วมขำ พนักงานบริษัท วี-ลัคฯ 8.นายณัฐนนท์ อภินันท์ ทนายความ 9.นายพิพัฒพงศ์ รุจิตานนท์ ทนายความ 10.นายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ คนขับรถ

ล่าสุด หลังใช้เวลาไต่สวนพยาน 10 ปากรวมประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ศาลได้ไต่สวนเสร็จสิ้น และนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย. 2562 เวลา 14.00 น. และให้คู่ความส่งคำแถลงปิดคดีภายใน 15 วัน หากไม่ส่งถือว่าไม่ติดใจ

@จำไม่ได้วางแพลนตารางโอนหุ้นหรือปราศรัยหาเสียงก่อน

นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซักว่า เรื่องการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 พยานดูเอกสารตราสารโอนหุ้นแล้ว ความเกี่ยวข้องเรื่องการโอนหุ้นเหตุผลอะไรถึงนัดวันที่ 8 ม.ค. 2562 เป็นวันโอน อยากให้ชี้แจงเหตุผลต่อศาล เพราะช่วงเช้าพยานอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ นี่เป็นข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันเริ่มเตรียมการโอนหุ้นเมื่อใด และระหว่างการเตรียมการโอนหุ้น กับการปราศรัยหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ พยานวางแผนอะไรก่อน

นายธนาธร กล่าวว่า เป็นวันปกติ ไม่ได้เป็นพิเศษ แต่ขอเล่าก่อนสักนิดหนึ่ง ครอบครัวของตนมีหลายบริษัท ก่อนเข้าทำงานการเมืองตนถือหุ้นในบริษัท 30-40 แห่งเห็นจะได้ ตนมีความพยายามจะจัดสรรโครงสร้างบริษัทใหม่ เดิมบริษัทในเครือไทยซัมมิท แบ่งออกเป็น 3 ชั้นคือ บริษัทโฮลดิ้ง (ไว้ลงทุน) บริษัทลูก และบริษัทหลาน โดยบริษัทโฮลดิ้ง ถือหุ้นในบริษัทลูก และบริษัทลูกถือหุ้นในบริษัทหลาน แต่ไม่ได้ถือหุ้นเต็ม 100% ยกตัวอย่าง บริษัทโฮลดิ้งถือหุ้นในบริษัทลูก 60% อีก 40% เป็นสมาชิกในครอบครัว เช่นเดียวกันกับบริษัทลูกถือหุ้นในบริษัทหลาน 60% อีก 40% เป็นสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น

“กระบวนการตัดสินใจมาทำงานการเมืองช่วงเดือน พ.ค. 2561 ขึ้นมาปีแรกของปี 2562 ก็ทำมาจนเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 เป็นหนึ่งในกระบวนการ ไม่ได้เป็นวันที่พิเศษ ที่นัดมา พยายามจะทำ ถ้าไม่มีใครพูดเรื่องนี้ผมก็ลืมไปแล้ว เพราะมันไม่มีความสลัคสำคัญ เป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ตนมีแนวคิดจะเริ่มทำงานการเมืองประมาณช่วงไตรมาส 4/2560 จึงเริ่มหารือกับสมาชิกในครอบครัวเพื่อจัดสรรโครงสร้างบริษัทใหม่ หลังจากนั้นช่วงครึ่งหลังเดือน พ.ค. 2561 ตนมาทำงานการเมือง ได้ลาออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งในภาคธุรกิจ สมาคม ห้างร้าน องค์การต่าง ๆ ที่เคยเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ต่าง ๆ และได้หารือกันในรายละเอียดเรื่องจัดสรรโครงสร้างบริษัทใหม่ และทำจริงในช่วงหลัง พ.ค. 2561 เป็นต้นมา ซึ่งในวันที่ 8 ม.ค. 2562 เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมดเท่านั้นเอง

PIC ธนาธรใหการ 1

@คำนวณแล้วกลับด้วยรถ ใช้เวลาพอ ๆ กับนั่งเครื่องบิน

ส่วนตารางในการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 กับตารางปราศรัยที่ จ.บุรีรัมย์ แผนไหนออกก่อนกันนั้น ศาลซักย้ำประมาณ 3 ครั้ง นายธนาธร กล่าวว่า จำไม่ได้จริง ๆ ว่านัดหาเสียงไว้ก่อน หรือนัดการประชุมโอนหุ้นก่อน อย่างไรก็ดีการทำงาน 2 อย่างในวันเดียวกันถือเป็นเรื่องปกติ ก่อนหน้านี้ทำงานหนักกว่านี้มาก ถี่กว่านี้ ถือเป็นเรื่องปกติมาก

นายวรวิทย์ ซักอีกว่า ถ้าเช่นนั้นพยานต้องทำธุรกรรมหรือทำสิ่งต่าง ๆ ในวันเดียวกัน 2 อย่าง 2 สถานที่ มีการวางแผนหรือไม่ว่าต้องดำเนินการอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า แผนแรกตั้งใจจะกลับด้วยเครื่องบินที่ จ.บุรีรัมย์ แต่เครื่องเต็ม เลยคิดว่าจะกลับด้วยเครื่องบินที่ จ.อุบลราชธานี แต่บวกลบคูณหารเวลาแล้ว เห็นว่าจาก จ.บุรีรัมย์เดินทางไป จ.อุบลฯ ใช้เวลาเท่าไหร่ ขึ้นเครื่องแล้วใช้เวลาเท่าไหร่ จากสนามบินกลับบ้านต้องใสช้เวลาเท่าไหร่ ไม่ต่างจากการขับรถจาก จ.บุรีรัมย์ กลับบ้านโดยตรง

“ผมเป็นคนที่หลับง่ายในรถ ถ้าขึ้นรถมีโอกาสยาวหน่อยก็หลับทันที แต่ถ้าขึ้นเครื่อง ต้องเข้าสนามบินผ่านการตรวจความปลอดภัย ต้องเช็คอิน ต้องเจอผู้คน ต้องถูกถ่ายรูป จะไม่ได้พักผ่อน ไม่มีความเป็นส่วนตัว จึงเลือกที่จะยอมนั่งรถ พอขึ้นปุ๊บ ก็ออกได้เลย” นายธนาธร กล่าว

@ไม่รู้เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้นเท่าไหร่ให้ ‘ภรรยา’ จัดการ-ลั่นครอบครัวไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน

ศาลซักเพิ่มเติมว่า ในเช็คมูลค่า 6.7 ล้านบาทเศษ รู้หรือไม่ว่าเขียนขึ้นในวันที่ 8 ม.ค. 2562 และสั่งจ่ายให้พยาน นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่รู้ด้วยซ้ำ อย่างที่บอกไม่ได้จัดการเงินของครอบครัว เวลาไปไหนอบรมสัมมนา ได้ค่าตอบแทนมา กลับบ้านก็ให้ภรรยา ไม่เคยถือแม้แต่สมุดบัญชีของตนด้วยซ้ำไป ส่วนภรรยาจะนำเช็คไปขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ทราบ

“อย่างที่เรียน ครอบครัวเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน เช็คบางฉบับถือไว้ 3-6 เดือน บางทีเก็บเช็คในกระเป๋า ส่งไปซักแห้ง กลับมาเช็คก็อยู่ที่เดิมตรงนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดอะไร แต่เป็นสิ่งที่ภรรยาผมสะดวกขึ้นเช็คอะไรก็แล้วแต่เขา ให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้” นายธนาธร กล่าว

PIC ธนาธรใหการ 2

@ลั่นทำธุรกิจมา 20 ปีโอนหุ้นเป็นร้อยครั้ง ไม่เคยดูเอกสารฝ่ายทะเบียนผู้ถือหุ้น

ส่วนการโอนหุ้นของพยานออกไป จะต้องเอาไปจดลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น พยานได้รู้เห็นหรือไม่ว่า การโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 นำไปจดลงในสมุดผู้ถือหุ้น หรือสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ทำธุรกิจมาเกือบ 20 ปี ทำการโอนหุ้นเป็นร้อย ๆ บริษัท ทั้งการลงทุน ซื้อ ขาย หรือซื้อจากคนญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป คนไทยด้วยกันเอง สมาชิกในครอบครัว เป็นร้อย ๆ ครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสักครั้งใดที่ตนไปกระทรวงพาณิชย์ด้วยตัวเอง เซ็นเสร็จคือจบ ส่วนฝ่ายธุรการไปกระทรวงพาณิชย์เมื่อไหร่ เป็นเรื่องของธุรการ กรณีนี้ก็เช่นกัน เซ็นจบคือจบ ไม่รู้ธุรการดำเนินการอย่างไรต่อ เพิ่งรู้ว่า บอจ.5 เป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยดูมาก่อนเลย

“ผมไม่เคยดูสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ผมถือหุ้นซักตัว เป็นเรื่องของฝ่ายเจ้าหน้าที่ธุรการ ผมไม่เคยแม้แต่ถือกลับบ้าน เป็นเรื่องของฝ่ายที่เก็บทรัพย์สิน ฝ่ายบัญชีของบริษัท ฝ่ายทะเบียนขอบริษัทก็ว่าไป ผมไม่ได้รับทราบเรื่องนั้น” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวตอนท้ายด้วยว่า ขอสงวนสิทธิ์ไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) หมดอำนาจ ตนจะดำเนินคดีกับ กกต. ตนตั้งใจทำงานการเมืองอย่างจริงจัง โดยที่ไม่มีผลประโยชน์อย่างที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดนมาก่อน เพราะไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว ถ้าวันนี้ศาลตัดสินเป็นคุณให้ตน จะรีบดำเนินการโอนทรัพย์สินบลายด์ทรัสต์ทันที

@ให้การขัดกับทนายเรื่องเวลากลับบ้าน

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงานว่า ในระหว่างการตอบข้อซักถามจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. หรือแม้แต่กับทนายของตัวเอง มักตอบว่า จำรายละเอียดไม่ได้หลายคำถาม ขณะเดียวกันคำให้การของนายธนาธร และคนขับรถ ยังขัดกันกับทนายความ โดยนายธนาธร และคนขับรถ ให้การว่าถึงบ้านประมาณ 16.00 น. แต่ทนายเบิกความว่า ไปถึงบ้านนายธนาธรประมาณ 16.00 น. ยังไม่เจอนายธนาธร โดยพบนางรวิพรรณ แจ้งว่า นายธนาธรยังไม่อยู่ จึงใช้เวลาเตรียมเอกสาร ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดเวลา 18.00 น. นายธนาธรได้ออกมาลงนาม โดยที่ไม่รู้นายธนาธรมาถึงเมื่อไหร่

@ศาล รธน.กังขา ทนายเป็นคนเขียนสัญญา แต่จำรายละเอียดไม่ได้ แล้วจะพิมพ์ได้อย่างไร

ต่อมา เวลา 11.00น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานปาก นายณัฐนนท์ อภินันท์ ทนายความ โดยศาลได้ซักถามการทำเอกสารสัญญาโอนหุ้นดังกล่าวทนายจัดเตรียมใช่หรือไม่ ซึ่งนายณัฐนนท์ชี้แจงว่า เป็นคนที่จัดเตรียมการทำสัญญาฯดังกล่าว โดยมีนายพุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่เป็นคนมอบหมายว่านายธนาธรประสงค์โอนหุ้น และนายพุฒิพงศ์ เป็นคนให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาฯ ทั้งส่วนข้อมูลที่บรรจุในสัญญาตลอดผู้รับรองการทำสัญญา ซึ่งไม่ใช่การมอบหมายจากนายธนาธรหรือนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจแต่อย่างใด แต่เมื่อศาลสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการโอนหุ้นนายณัฐนนท์กลับไม่สามารถชี้แจงได้ว่าจำนวนหุ้นที่จะโอนมีกี่หุ้น และการโอนหุ้นเป็นอย่างไร จนศาลรัฐธรรมนูญตั้งข้อสังเกตว่าหากนายณัฐนนท์ไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว แล้วนายณัฐนนท์จะพิมพ์สัญญาฯได้อย่างไร จะรู้เห็นการทำสัญญาโอนหุ้นได้อย่างไร ทั้งที่โดยหลัคการนายณัฐนนท์ต้องรู้ข้อมูลที่จัดเตรียมเหล่านั้นทั้งหมด

หลังจากนั้นนายณัฐนนท์ได้ชี้แจงต่อว่าการเตรียมการเอกสารการโอนหุ้นเตรียมก่อนล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ แต่จำวันไม่ได้ ซึ่งในวันที่ 8 ม.ค.2562 มีการนัดหมายในการทำสัญญาฯที่บ้านนายธนาธร เวลาประมาณ 6 โมงเย็น โดยตนไปถึงบ้านนายธนาธรประมาณ 4 โมงเย็นซึ่งขณะนั้นได้พบกับนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยาของนายธนาธร ที่อยู่ในบ้าน แต่นางรวิพรรณบอกว่านายธนาธรยังไม่อยู่ในบ้าน และตนไม่ทราบว่านายธนาธรมาถึงบ้านตอนกี่โมง แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายทำสัญญานายธนาธรก็มาถึงแล้ว ส่วนการทำสัญญาฯ หลังจากนั้นนายธนาธรและนางสมพรตรวจสอบเอกสารสัญญาฯและเซ็นต์สัญญาแล้ว ก็มีการติดอากรแสตมป์ในสัญญาในวันเดียวกัน และเห็นว่ามีการมอบเช็คให้ในวันนั้นด้วย โดยเป็นเช็คที่นางสมพรเตรียมมามอบเช็คให้ธนาธรและภรรยา ส่วนการดำเนินการโอนหุ้นหลังจากเซ็นต์สัญญาฯเป็นหน้าที่ของนางลาวัล จันทรเกษม ซึ่งเป็นพยานในการโอนหุ้นดังกล่าวเป็นคนดำเนินการแจ้งนายทะเบียนเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ซึ่งนายณัฐนนท์ไม่ทราบว่ามีการดำเนินการเมื่อใด ขณะที่การโอนหุ้นของ นางรวิพรรณ ก็มีการโอนหุ้นให้กับนางสมพรในวันเดียวกันด้วย และได้รับการประสานข้อมูลมาจาก ผอ.ฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่เหมือนกัน เป็นพยานชุดเดียวกัน และมีการจ่ายเช็คเป็นค่าตอบแทนในวันดังกล่าวเหมือนกัน

จากนั้นมีการไต่สวนพยานปาก 3 คือ นายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ ซึ่งเป็นคนขับรถของนายธนาธร ชี้แจงว่าทำงานขับรถส่วนตัวให้กับนายธนาธรและภรรยา มาแล้ว 2 ปีแล้ว โดยยืนยันว่าในวันที่ 8 ม.ค. มีการขับรถออกจาบุรีรัมย์มายังกทม.จริง ซึ่งมีผู้โดยสารในรถเพียงนายธนาธรคนเดียว โดยออกจาก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ หลังนายธนาธรขึ้นเวทีปราศรัยเสร็จตอนเช้า ประมาณ 11 โมง ถึงกทม.ประมาณ 4 โมงเย็น แต่นายชัยสิทธิ์ไม่ได้เข้าในบ้านจึงไม่รู้ว่ามีใครอยู่ในบ้านบ้าง แต่สังเกตุเห็นว่ามีรถไม่ใช่รถในบ้านมาจอดอยู่ 1 คันแต่ไม่ทราบว่าเป็นรถของใคร

PIC สมพรใหการ 1

@ ‘สมพร’เผยลงนามโอนหุ้น 8 ม.ค.แต่ฝ่ายธุรการไปแจ้งเปลี่ยน บอจ.5 หลัง‘ธนาธร’สมัคร ส.ส.

นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นพยานปากที่ 4 เบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญ สรุปได้ว่า ในช่วงก่อตั้งบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในชื่อบริษัท โซลิด จำกัด ประมาณปี 2551-2553 นั้นมีตนกับทีมงานถือหุ้น ต่อมาปี 2553 จึงให้นางรวิพรรณไปบริหาร ต่อมาปี 2555 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยช่วงนางรวิพรรณบริหารตัวเลขผลกำไรดีขึ้น จึงคิดว่าบริษัทน่าจะเข้าที่เข้าทางดีแล้ว จึงโอนหุ้นให้กับลูกหลานในช่วงปี 2558 โดยขายเป็นราคาพาร์ หุ้นละ 10 บาท โดยในวันโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 มีตน ผู้ช่วยตน 2 ราย นายธนาธร นางรวิพรรณ และทนายความโนตารี คือนายณัฐนนท์ ทำการประชุมและลงนามโอนหุ้นกันในห้องหนังสือที่บ้านของนายธนาธร

ศาลซักว่า หลังจากวันลงนามโอนหุ้นกันแล้ว ไม่ได้แจ้งต่อนายทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันเดียวกันใช่หรือไม่ นางสมพร กล่าวว่า ปกติตนเซ็นเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการต่อ ดังนั้น ณ วันที่ 8 ม.ค. 2562 จึงยังไม่ได้ไปแจ้งเปลี่ยนสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ศาลซักอีกว่า การแจ้งนายทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่เปลี่ยนแปลง บอจ.5 คือทำภายหลังวันที่นายธนาธร สมัครรับเลือกตั้งไปแล้วหรือไม่ นางสมพร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติในแต่ละแห่ง การทำใบ บอจ.5 มักเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนยื่นงบการเงิน เมื่อเซ็นโอนหุ้นแล้ว ไม่ได้หมายความว่าต้องไปทันที ไปวันหลังก็ได้ต่อมา

@เผย 8 ม.ค. 62 โอนหุ้นเครือไทยซัมมิทหลายแห่ง แต่ชำระเงินเฉพาะ บ.วี-ลัคฯ อ้างโอนภายในเลยไม่มีประชุมผู้ถือหุ้น

ศาลได้พยายามซักถามกรณีหุ้นดังกล่าว ซึ่งมีปัญหาจากการไปจดแจ้งหลังวันที่นายธนาธรสมัครรับเลือกตั้ง นางสมพรกล่าวว่า ตนบริหารบริษัท 40 กว่าแห่ง ปกติการยื่น บอจ.5 จะเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนยื่นงบดุล หลังการโอนหุ้นไม่ได้หมายความว่าเอกสารต้องทำเรียบร้อยในทันที ปกติก่อนการโอนหุ้นบริษัทอื่น ๆ จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น แต่การโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ดำเนินก่อนช่วงก่อนสิ้นปีทุกคนงานยุ่ง นายธนาธรก็เตรียมตัวมาเล่นการเมือง เขาต้องถอนหุ้นออกจากเครือไทยซัมมิททั้งหมด ในส่วนของบ.วี-ลัคมีเดีย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานจึงไม่มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น

นางสมพร กล่าวอีกว่า การโอนหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด แตกต่างจากหุ้นบริษัทอื่นเพราะเป็นการโอนหุ้นภายในกันเอง จึงไม่มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น นอกจากนั้น ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 มีการเซ็นโอนหุ้นในเครือไทยซัมมิทหลายบริษัท แต่มีการชำระเงินเฉพาะบ.วี-ลัคมีเดีย ส่วนหนึ่งเพราะต้องการปิดบริษัทนี้ และการนำเงินจำนวนมากมาชำระค่าหุ้นหลาย 10 บริษัทต้องใช้เวลาเตรียมการนานพอสมควร

@โอนหุ้นให้หลานฟรี เพราะเสียดายบริษัท อยากให้ฟื้นฟูกิจการ

ส่วนกรณีการโอนหุ้นต่อให้กับหลานบี (นายทวี) และนายเอ (นายปิติ) ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากวันที่ 8 ม.ค. 2562 ไม่กี่วัน นางสมพร กล่าวว่า หลังจากนายธนาธร และนางรวิพรรณ โอนหุ้นให้ตนเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2562 หลานบี ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายคนโต พาแม่เขากับน้องสาวเขามาหาตนที่ออฟฟิศไทยซัมมิท เพื่อเรียนเชิญให้ไปงานแต่งงานน้องสาว พอคุยเรื่องส่วนตัวเสร็จ ตนจึงพูดถึงบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้ฟังว่าบริษัทนี้จะปิด เสียดาย หลายคนไม่มีเวลาทำงาน บริษัทนี้จะให้หลานบีไปทำหรือไม่

“บอกตรง ๆ ตั้งแต่ทำธุรกิจมา ไม่เคยขาดทุนจนต้องปิดตัว จึงบอกหลานบีว่าจะเอาไปทำหรือไม่ ระหว่างคุยเสร็จ หลานบีบอกว่าน่าสนใจ แต่ถ้าจะให้เขามาทำ ต้องขอให้พี่ชาย หรือหลานเอ (นายปิติ) มาช่วย เพราะบริษัท วี-ลัคฯ ไม่มีพนักงานเหลืออยู่แล้ว และบอกว่าขอพี่ชายช่วย มา 2 คนเราก็โอเค มีหุ้น 2 ก้อน เลยโอนให้เขาทั้ง 2 คนพอดี” นางสมพร กล่าว

นางสมพร กล่าวด้วยว่า หลานทั้ง 2 คนมาช่วยดูแลบริษัทเพื่อแก้ปัญหา และฟื้นฟูอนาคตของบริษัท โดยจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ถือหุ้น แต่ตนคิดว่าไม่อยากได้แล้ว ไม่มีเวลาดูแล เลยยกบริษัทให้หลานไป โดยเป็นการโอนหุ้นให้ ไม่ได้ขาย เพราะบริษัทอยู่ในสภาพย่ำแย่ ขาดทุน การจะบอกว่าขาดทุนแล้วขายให้หลาน คงไม่ซึ้งเท่าไหร่ หลานไม่มีเงินซื้อ เลยโอนให้หลานไปทำก่อน

ส่วนเหตุผลที่โอนกลับคืนมาภายในประมาณ 2 เดือนถัดมานั้น นางสมพร กล่าวว่า หลังจากคุยกับหลานให้เขาไปแล้ว หลานบีที่จบนิเทศศาสตร์มา จึงให้ลองเรียนรู้ (Study) ว่าบริษัทนี้สมควรทำต่อหรือไม่ มีวิธีการอย่างไร ต้องฟื้นฟูอย่างไร เขาเสนอมา 2 แนวทาง แนวทางแรก บริษัทแห่งนี้จริง ๆ ไม่ได้ขาดทุนขนาดนั้น ยังพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง แต่จะฟื้นฟูได้ช้า อีกแนวทางคือให้นำเช็คเข้าบริษัทเพิ่มหลายล้านบาท จึงไม่โอเค เลยให้โอนหุ้นกลับคืนเพื่อดำเนินการปิดกิจการ

@ทนาย ‘ธนาธร’ โชว์ต้นขั้วชำระเงิน ‘หลาน-สมพร’ ศาลกังขาตกลงจ่ายค่าหุ้นหรือโอนฟรี

อย่างไรก็ดีในช่วงที่ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายธนาธรซักนางสมพร โดยนำเอกสารต้นขั้วการจ่ายเงินค่าโอนหุ้นแก่นางสมพร ราคาพาร์ หุ้นละ 10 บาท ศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งข้อสังเกตว่า ตอนแรกนางสมพร เบิกความว่า การโอนหุ้นระหว่างนางสมพรกับหลานไม่ได้มีการจ่ายค่าหุ้น ตกลงมีการชำระเงินกันหรือไม่ โดยทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายธนาธร ระบุว่า เอกสารดังกล่าวเป็นแบบฟอร์มในการโอนหุ้น และต้องการนำสืบลักษณะว่า ผู้ร้อง (กกต.) ไม่รู้จักค่าหุ้นที่ชำระแล้ว แต่เอาเรื่องทางเทคนิคมาผลักพยาน ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ ทั้งนี้นางสมพร เบิกความยืนยันอีกครั้งว่า การโอนหุ้นดังกล่าวไม่ชำระเงิน แต่ใบต้นขั้วดังกล่าวคือหลักฐานว่าเขาคืนหุ้นให้ตนเท่านั้น

@'รวิพรรณ'อ้างเหตุไม่รีบนำเช็คไปขึ้นเงิน เพราะเป็นแม่ลูกอ่อน

หลังจากนั้นนางรวิพรรณ เป็นพยานปากที่ 5 เบิกความว่า หลังจากโอนหุ้นเสร็จก็มีการเขียนเช็คสั่งจ่ายค่าหุ้นเฉพาะบริษัทวีลัคมีเดีย โดยตนเป็นคนเก็บเช็คทั้ง 2 ใบ และนำไปขึ้นเงินเดือน พ.ค. ส่วนเหตุผลที่ทิ้งไว้หลายเดือนจนกว่าจะไปขึ้นเงิน ชี้แจงว่าหลายครั้งการรับเช็คจะไม่ได้ขึ้นทันที ซึ่งบางช่วงไม่สะดวก ก็ต้องเก็บรวบรวมก่อนรอเวลาที่สะดวก เพราะตนจะนำเช็คไปขึ้นเงินด้วยตนเอง จะไม่ฝากคนอื่นนำเช็คไปขึ้นเงิน โดยตนได้นำเช็คดังกล่าวไปขึ้นในเดือนพ.ค. ด้วยตนเอง ส่วนเหตุที่เว้นหลายเดือนถือเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาก็จะรวบรวมหลายฉบับแล้วนำไปขึ้นพร้อมกันทีเดียวอย่างในปี 2560 มีเคยนำเช็คไปขึ้นทีเดียว 10 ฉบับ ขณะเดียวกันช่วงนั้นตนเพิ่งคลอดลูกคนเล็กเดือน ก.ย. จึงต้องเลี้ยงลูก ยังเป็นแม่ลูกอ่อน ซึ่งต้องอยู่บ้านดูแลลูก จึงไม่มีเวลาที่จะไปขึ้นเงิน และในช่วงเดือนมี.ค.ก็มีกระแสข่าวว่าเราไม่ได้ซื้อขายหุ้นกันจริง และทนายจึงได้รวบรวมพยานหลัคฐานชี้แจงต่อ กกต. และเราก็ได้มอบเช็ค 2 ฉบับให้ทนายความนำไปชี้แจงต่อ กกต.ด้วยจึงทำให้เกิดความล่าช้า อีกอย่างเช็คเป็นของคุณแม่จึงมั่นใจได้และไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นเช็คเด้ง

จากนั้น ฝ่ายกกต.ซักถาม ว่า นางรวิพรรณเป็นกรรมการผู้จัดการหรือไม่ โดยนางรวิพรรณชี้แจงว่า ตอนจัดตั้งบริษัทตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากเป็นธุรกิจส่วนตัวของนางสมพรกับทีมงาน จนถึงปลายปี 2554 นางสมพรจึงชักชวนตนไปช่วยบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ส่วนการโอนหุ้นในส่วนของบริษัทอื่นๆที่ไม่ได้จ่ายเงินนั้น เนื่องจากเป็นการขายหุ้นให้บริษัทอื่นแต่มีนางสมพรในฐานะกรรมการบริษัทเป็นผู้เซ็นต์รับ และมีการชำระเงินในภายหลัง ส่วนที่บริษัทจะเลิกกิจการแต่ทำไมจึงทำสัญญากับบริษัทนกแอร์นั้น นางรวิพรรณ ชี้แจงว่า หลังจากปี 2555 เรารับจ้างผลิตนิตยสารเพิ่มให้กับบริษัทนกแอร์ ชื่อจิ๊บจิ๊บ ซึ่งผลิตคู่กับนิตยสารของบริษัท และนิตยสารของธนาคารไทยพาณิชย์ มีการแบ่งทีมผลิตออกเป็น 3 ทีม แต่ในปี 2559 มีการตัดสินใจยุติการผลิตนิตยสารฮู เพราะกำไรลดลง ดังนั้นจึงยุบเฉพาะหน่วยงานที่ทำนิตยสารฮูเท่านั้น ไม่ได้ยุบบริษัทยังเหลือทีมงานที่ทำนิตยสารอื่นอยู่

@ผจก.ทั่วไปสายบัญชีไทยซัมมิท เผยเหตุผลไม่รีบแจ้ง บอจ.5 เพราะโอนภายในครอบครัว-บ.วี-ลัค ไม่มี พนง.แล้ว

น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม ผู้จัดการทั่วไปดูแลสายงานบัญชี บริษัทไทยซัมมิท โอโต้พาร์คอินดัสตรี จำกัด พยานปากที่ 6 ชี้แจงว่าตนทำงานในบริษัทดังกล่าวมา 15 ปีแล้ว มีหน้าที่ดูแลสายงานบัญชี ซึ่งมีหน้าที่ทำการโอนหุ้นเปลี่ยนแปลงหุ้น โดยหลังจากมีการทำการโอนหุ้นแล้ว ก็จะมีการจดทะเบียนลงทะเบียนผู้ถือหุ้น จากนั้นก็จะนำเอกสารไปแจกจ่ายกับฝ่ายบัญชีของแต่ละบริษัทเพื่อให้นำส่งนายทะเบียน โดยความรับผิดชอบในการส่งสำเนาผู้ถือหุ้นจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ธุรการ โดยเกี่ยวข้องในการเป็นพยานในการลงนามตราสารโอนหุ้น เมื่อไปถึงบ้านของนายธนาธร ได้ร่วมตรวจสอบตราสารการโอนหุ้นว่าการโอนจากผู้โอน ผู้รับโอน ชื่อ มูลค่าหุ้น ถูกต้องหรือไม่ และร่วมลงนามในเอกสารระหว่างผู้โอนผู้รับโอน นอกจากนั้นยังได้เป็นพยานการโอนหุ้นในวันที่ 14 ม.ค. และวันที่ 21 มี.ค.ด้วย

ส่วนการโอนหุ้นเมื่อวนที่ 8 ม.ค. และ 14 ม.ค. ทำไมไม่ดำเนินการแจ้งนายทะเบียนตาม บอจ.5 นางลาวัลย์ ชี้แจงว่า เหตุผลหลักๆของการไม่ได้แจ้ง บอจ.5 คือการโอนหุ้นทั้ง 2 วันเป็นการโอนหุ้นภายในครอบครัว จึงไม่มีการทำ บอจ.5 อีกทั้งขณะนั้นพนักงานบริษัทวีลัคมีเดียไม่มีแล้ว จึงไม่มีพนักงานมารับช่วงดำเนินการต่อ แต่การโอนหุ้นในวันที่ 21 มีการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการในบริษัทวีลัคมีเดียด้วย จึงมีการจัดทำ บอจ.5 เลย เพราะตามกฎหมายกำหนดว่าหากมีการเปลี่ยนปลงกรรมการต้องแจ้งภายใน 14 วัน แต่ถ้ามีคำสั่งให้แจ้งทำ บอจ.5 เลย ก็สามารถทำได้หากมีการสั่งให้ทำ นอกจากนั้นยังยืนยันว่าเห็นการชำระค่าหุ้นเป็นเช็คระหว่างนางสมพรนายธนาธรและนางรวิพรรณ

ส่วน น.ส.กานต์ฐิตา อ่วมขำ กล่าวว่า ตนรับผิดชอบงานด้านการเงินบริษัทไทยซัมมิทโอโต้พาร์ค อินดัสตรี มา 22 ปี การโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. ตนอยู่ในเหตุการณ์ โดยเดินทางไปพร้อมน.ส.ลาวัลย์ ถึงบ้านนายธนาธรเวลา 17.00น. โดยช่วงปลายปี 2561 ทราบข้อมูลว่าจะมีการโอนเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นใน 10 บริษัทรวมถึงบริษัทวี-ลัค ในฐานะฝ่ายการเงิน ของบริษัทจึงต้องเข้าไปรับทราบ โดยยอมรับว่าได้ลงนามเป็นพยานในตราสารการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค วันที่ 8 ม.ค. 2562 และเป็นพยานการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับหลานชายในวันที่ 14 ม.ค. 2562 และการโอนคืนระหว่างหลานชายมายังนางสมพรวันที่ 21 มี.ค. 2562

อ่านประกอบ :

@เรื่องที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทรัพย์สิน

บ.ในลาว 20 ล.‘ธนาธร’ชื่อเดียว‘วัน โอ ซี ฯ’ใน จ.ปทุมธานี ปิดตัวแล้ว-ยังไม่ชำระบัญชี

เปิดตัว 2 บ.ในลาว‘ธนาธร-เมีย’ ทำปศุสัตว์-ปรุงแต่งน้ำยาง ทุนรวม 5 แสนดอลฯ

หุ้นส่วนธุรกิจ ‘ธนาธร-ไทยซัมมิท’ คือ ญี่ปุน-สหรัฐ ไม่มีชาวจีน

‘ธนาธร’ปี 61 เสียภาษี 2.9 ล. -บัญชีทรัพย์สิน ไม่มีรายได้จากโอนหุ้น 14 บริษัทปี 62

INFO: ‘ธนาธร’ กับการโอนหุ้น 14 บริษัท

ถ้าไปขอดูจะเห็นเอง! 'ธนาธร' ยันแจ้งรายได้โอนหุ้น 'แม่-น้อง-ไทยซัมมิท' ป.ป.ช.หมดแล้ว

โอนหุ้น วี-ลัค มีเดีย -14 บริษัท 650 ล. ไฉน! ‘ธนาธร’ไม่แจ้ง มีรายได้ ต่อ ป.ป.ช.?

ไม่ใช่แค่ วี-ลัค มีเดีย! 8 ม.ค.62 ‘ธนาธร’ต้องได้รับเช็คค่าโอนหุ้นอีก 10 ใบ 387 ล.?

ย้อนข้อมูล‘ธนาธร’โอนหุ้น 14 บริษัทให้‘น้องชาย-ครอบครัว’ หลังแถลงทำ Blind Trust

'ธนาธร'โชว์ จม.ขอโทษบริษัทที่ยังไม่ได้ทำ blind trust เหตุศาล รธน.สั่งหยุดทำหน้าที่