อีกกรณีตัวอย่าง: ผู้สมัครมีประวัติถูกศาลแขวงนครศรีฯ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี 1 ส.ค.60 ปรับเงิน แต่ยังไม่ครบกำหนด มาลงสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา กกต.ไม่ประกาศรายชื่อ ร้องคัดค้าน ศาลฎีกาชี้ต้องห้าม สั่งยกคำร้อง
คดีเพิกถอนชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 นอกจากผู้สมัครถือครองหุ้นสื่อมวลชน ยังมีกรณีขาดคุณสมบัติอันเนื่องมาจากคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ผู้สมัครมิได้เป็นสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน ,กรณีผู้สมัคร ส.ส.จ.กาญจนบุรี และ ผู้สมัคร ส.ส.จ.พิษณูโลก มีประวัติทุจริต ,กรณีผู้สมัคร ส.ส.จ.นครศรีธรรมราช มีตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ยอมลาออกจากมาลงสมัคร , และ กรณีผู้สมัคร ส.ส. พังงา พ้นโทษจำคุกมายังไปถึง 10 ปี แต่มาสมัครเป็น ส.ส. ตามที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานไปก่อนหน้านี้
คราวนี้เป็นกรณีมีประวัตถูกศาลพิพากษากระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ลงโทษปรับ 5,000 บาท และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งมีกําหนด 5 ปี ยังไม่พ้นกำหนดมาสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา
ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 1132/2562 วันที่ 6 มี.ค.2562 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง นายพงศภัค ศรีสุขใส ผู้ร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้คัดค้าน
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทยพัฒนา ผู้คัดค้านไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างว่าผู้ร้องขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องมิได้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ขอให้มีคําสั่งให้ผู้คัดค้านเพิ่มชื่อผู้ร้องในรายชื่อผู้สมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทยพัฒนา
ผู้คัดค้านยื่นคําคัดค้านว่า ก่อนประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ผู้คัดค้านได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อแล้ว ปรากฏว่าผู้ร้องขาดคุณสมบัติเป็นผู้มี สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ขอให้ยกคําร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ... (4) เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ เลือกตั้งตามมาตรา 96 (1) (2) หรือ (4)...” ซึ่งมาตรา 96 บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ ในวันเลือกตั้งเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 บัญญัติเช่นเดียวกันว่า “บุคคลผู้มี ลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ... (5) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่” ดังนั้น ผู้สมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะต้องไม่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่า คดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่มาก่อน
ข้อเท็จจริงตามคําร้อง คําคัดค้าน เอกสารพยานหลักฐานแห่งคดี และตามที่ปรากฏ ในทางการไต่สวนปรากฏว่า ผู้ร้องเคยถูกศาลแขวงนครศรีธรรมราชพิพากษาว่า ผู้ร้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 51, 52, 142 ลงโทษปรับ 10,000 บาท ผู้ร้องให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 5,000 บาท และให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของผู้ร้องมีกําหนดห้าปี ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 174 บัญญัติว่า “ บุคคลใดถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ให้ถือว่าผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้จึงถือว่าผู้ร้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งตามมาตรา 168 บัญญัติว่า “ในกรณีที่พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้กําหนดให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งโดยมีกําหนดระยะเวลาหรือสั่งเพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้การเพิกถอนสิทธิดังกล่าวมีผลในทันทีและเริ่มนับระยะเวลานับแต่วันที่ศาล มีคําสั่งหรือคําพิพากษา เว้นแต่ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาจะมีคําสั่งหรือคําพิพากษาเป็นอย่างอื่น”
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลแขวงนครศรีธรรมราชมีคําพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของผู้ร้องมีกําหนด 5 ปี ดังนั้น การเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของผู้ร้องจึงมีผลนับแต่วันที่ศาลแขวงนครศรีธรรมราชมีคําพิพากษา คือ วันที่ 1 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป เมื่อนับถึงวันรับสมัครเลือกตั้งวันสุดท้ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 จึงยังไม่พ้นกําหนด 5 ปี ดังกล่าว ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (4) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (5) ที่ผู้คัดค้านไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ชอบแล้ว
จึงมีคําสั่งให้ยกคําร้อง.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:
หนึ่งเดียวรอด คดีถือหุ้นสื่อ! ผู้สมัคร ส.ส. สระแก้ว เจ้าของ นสพ.ประชารัฐ
พ้นโทษจำคุกไม่ถึง 10 ปี ลงสมัคร ส.ส. พังงา
คดีผู้สมัคร ส.ส.เพื่อชาติ มีประวัติทุจริต ผู้ว่าฯสั่งปลด - กกต.ถอนชื่อ ศาลฎีกา ชอบแล้ว
คดีผู้สมัคร ส.ส.โคราช เจ้าของสื่อ หยุดพิมพ์ 9 ปี ไม่จดเลิก ศาลฎีกา คำสั่ง กกต.ชอบแล้ว
กรณีศึกษา:ลงสมัคร ส.ส.นครศรีฯ ไม่ยอมทิ้งเก้าอี้ ส.จ. อ้างคำสั่ง 1/2557 หน.คสช. ออกไม่ได้
กรณีศึกษา รองปลัด อบต. ทุจริต 17 โครงการ เปลี่ยนชื่อลงสมัคร ส.ส. จ.พิษณุโลก