
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ลุกขึ้นชี้แจง 2 ฉากทัศน์ แนะ รัฐสภาลงมติร่างรัฐธรรมนูญวาระสาม 15-20 ธ.ค.68 หรือ 15-19 ม.ค. 69 กางไทม์ไลน์ ยุบสภา 31 ม.ค.69 - เลือกตั้งพ่วงประชามติ 29 มี.ค.69
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 2 (สมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ มีวาระการพิจารณาเรื่องด่วน พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แก้ไขเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวม 3 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะ นายอนุทิน ชาญวีรกูลกับคณะ และนายชูศักดิ์ ศิรินิลกับคณะ เป็นผู้เสนอ ระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม 2568 ซึ่งวันนี้จะเป็นการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเป็นวันสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการอภิปรายประมาณ 7 ชั่วโมง 30 นาที และจะใช้เวลาการลงมติแบบขานชื่อรายบุคลคลเสร็จสิ้นประมาณ 3 ชั่วโมง
อ่านประกอบ : ‘ประชาชน-เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ ดีไซน์ ‘สสร.- กมธ.ยกร่างฯ’ ชิงธงนำ ‘รัฐธรรมนูญฉบับใหม่’
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงกำหนดระยะเวลา หรือ ไทม์ไลน์ของการยุบสภา การเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติในวันเดียวกัน ว่า การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม โดยเพิ่มหมวดที่ 15/1 ของสมาชิรัฐสภาในวันนี้ รัฐบาลได้ขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) บันทึกสรุปสาระสำคัญ ทั้ง 2 วัน ไว้ทุกประเด็น เพื่อส่งให้คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสสร.ในอนาคต เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นอำนาจของรัฐสภา รัฐบาลคงเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ แต่การทำประชามตินั้น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 กำหนดไว้ชัดเจนว่าให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญ แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันลงประชามติและกำหนดคำถามที่จะถามในประชามติ
นายบรวศักดิ์กล่าวว่า การกำหนดไทม์ไลน์ของรัฐบาล คำนึงถึงองค์ประกอบ 3 ส่วน ส่วนแรก รัฐธรรมนูญปี 2560 ส่วนที่สอง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และส่วนที่สาม ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชน หรือ เอ็มโอเอ กับพรรคภูมิใจไทย โดยแบ่งออกเป็นสองกรณี คือ กรณีที่หนึ่ง กรณีพ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันยังใช้บังคับอยู่ และกรณีที่สอง ร่างพ.ร.บ.ประชามติที่รัฐสภาพิจารณาและรัฐบาลนำทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายนั้น ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

นายบวรศักดิ์กล่าวว่า กรณีที่หนึ่ง พ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันยังใช้บังคับอยู่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแห่งนี้แล้ว ว่า เอ็มโอเอที่รัฐบาลทำกับพรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคประชาชน ว่า จะยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 เพราะเป็นวันที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะครบ 4 เดือน ในวันที่ 31 ม.ค.69 ดังนั้น รัฐบาลจะมีการยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.69 โดยการเลือกตั้งทั่วไปจะจัดขึ้นได้ต้องไม่ก่อน 45 วัน แต่ไม่ช้ากว่า 60 วัน ซึ่งเมื่อพิเคราะห์แล้ว วันที่เหมาะสมที่สุด คือ วันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.69
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า แต่เมื่อมีเรื่องการทำประชามติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่ง พ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันกำหนดว่า ให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ และให้นายกรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงประชามติตามวันที่กำหนด ตามที่ได้หารือร่วมกับ กกต. ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน แต่ไม่ช้ากว่า 120 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า พ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบัน พอนับถอยหลังมา ก็ปรากฏว่า 90 วันนั้น คือ วันที่ 30 ธ.ค.68 เป็นวันสุดท้ายที่นายกรัฐมนตรีกับกกต. ประกาศให้ทำประชามติได้ ดังนั้น รัฐสภาจะต้องลงมติในวาระที่สาม ไม่ควรเกินวันที่ 15-20 ธ.ค.68
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ต้องมีเวลาทิ้งไว้ 10 วัน เพราะต้องให้เวลาประธานรัฐสภาเตรียมการ เพราะพ.ร.ป.ว่าด้วยประชามติบอกว่า ต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม และสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมโดยสรุปในลักษณะที่ประชาชนเข้าใจในเนื้อหาสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยสะดวก ต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีและกกต.พร้อมกัน และให้เวลานายกรัฐมนตรีหารือกกต.เพื่อกำหนดวัน

นายบวรศักดิ์กล่าวว่า กรณีที่สอง พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ประกาศใช้แล้ว กรณีนี้จะทำให้รัฐสภามีเวลามากขึ้นในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพิ่มหมวด 15/1 ถ้าการยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค. 69 เลือกตั้งทั้วไปและการทำประชามติในวันที่ 29 มี.ค.69 การทำประชามติ ก็ลดเวลาจาก 90 วัน เหลือ 60 วัน ซึ่งวันสุดท้ายก็คือวันที่ 29 ม.ค.69 ที่ประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งในวันที่ 29 ม.ค.69 คือ วันที่นายกฯ โดยหารือร่วมกับกกต.ต้องประกาศให้ทำประชามติ ดังนั้น รัฐสภาควรลงมติร่างรัฐธรรมนูญฯ ในวาระที่สาม ช่วงวันที่ 15-19 ม.ค.69

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา