"...นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ขอใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดท่ายางคอนสตรัคชั่น และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรบุรียุทธนาก่อสร้าง จากเจ้าของที่แท้จริง เข้าซื้อซองและยื่นซองประกวดราคา โดยให้พนักงานราชการของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นผู้ยื่นเสนอราคาแทนห้างทั้งสองเมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในวงเงิน 3,527,000 บาท ได้เข้าเป็นคู่สัญญา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 22/2556 ลงวันที่ 16 กันยายน 2556 แล้ว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้เข้าดำเนินโครงการดังกล่าวเอง ..."
“ช่วงนี้! ปากดีไปหน่อย ”
"เมื่อเลือกที่จะทำหน้าที่เพื่อป่า เพื่อสัตว์ป่า อย่างสุดชีวิต ก็พร้อมจะรับแรงกระแทก และยืนยัน ว่า ไม่เคยรับเงินใคร หรือทุจริตเรียกรับเงินใครในหน้าที่"
คือ คำชี้แจงของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" หลังปรากฏข่าว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ จากกรณีถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในคดีฮั้วประมูลก่อสร้างอาคารหน่วยพิทักษ์อุทยานแก่งกระจาน และผ่านการพิจารณาของ อ.ก.พ. กระทรวงฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการไล่ออกราชการย้อนหลัง หลังจากที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว
ล่าสุด นายชัยวัฒน์ โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง เตือน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ว่าอาจจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลฯ กรณีที่คำสั่งไล่ออกราชการตนเอง ถูกเผยแพร่ในสื่อโซเซียลมีเดีย ทั้งที่ตนเองยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว
- ยืนยันแล้ว! ปลัดก.ทรัพย์ ลงนามคำสั่งไล่ออกราชการ 'ชัยวัฒน์' หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีฮั้ว
- ช่วงนี้ ปากดีไปหน่อย! 'ชัยวัฒน์' โพสต์แจงข่าวถูกไล่ออกราชการ ยันไม่เคยทุจริตเรียกรับเงิน
บทสรุปสุดท้าย กรณีคำสั่งไล่ออกราชการหลุดรอดออกมาจะเป็นอย่างไร ต้องติดตามดูกันต่อไป
แต่ข้อมูลสำคัญอีกชุดหนึ่ง ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นทางการ คือ รายละเอียดมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีนี้ ว่าเป็นอย่างไร นอกจาก นายชัยวัฒน์ แล้ว ยังมีใครที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นฐานข้อมูลสำนักงาน ป.ป.ช. เกี่ยวกับคดีนี้ มานำเสนอ ณ ที่นี้
@ ชื่อคดีกล่าวหา
คดีนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุว่า เป็นเรื่องกล่าวหา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี กับพวก ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยมิชอบ
@ พฤติการณ์การกระทำความผิด
เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้รับจัดสรรงบประมาณสำหรับก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) จำนวน 3,535,000 บาท ซึ่งวงเงินงบประมาณจำนวนดังกล่าวเกินอำนาจในการจัดซื้อจัดจ้างของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จึงมีหนังสือแจ้งให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ดำเนินการแทน ตามประกาศประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2556 และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ขอใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดท่ายางคอนสตรัคชั่น และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรบุรียุทธนาก่อสร้าง จากเจ้าของที่แท้จริง เข้าซื้อซองและยื่นซองประกวดราคา โดยให้พนักงานราชการของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นผู้ยื่นเสนอราคาแทนห้างทั้งสองเมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในวงเงิน 3,527,000 บาท ได้เข้าเป็นคู่สัญญา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 22/2556 ลงวันที่ 16 กันยายน 2556 แล้ว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้เข้าดำเนินโครงการดังกล่าวเอง โดยมอบหมายให้นายณัตศน ผิวผ่อง ลูกจ้างของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นผู้ติดต่อหาผู้รับเหมามาดำเนินการและควบคุมการก่อสร้าง
จากนั้นคณะกรรมการตรวจการจ้างซึ่งมีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นประธานกรรมการ ได้ตรวจรับงานว่าแล้วเสร็จตามสัญญา และได้มีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้าง จำนวน 3,527,000 บาท ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นห้างที่ นายชัยวัฒน์ลิ้มลิขิตอักษร ใช้เข้าเป็นคู่สัญญาแทน ทั้งที่งานก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการตามสัญญาจ้าง
@ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1. การกระทำของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 และมาตรา 162 (1) (4) พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของนายณัตศน ผิวผ่อง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 86
3. การกระทำของกลุ่มเอกชนผู้เสนอราคาและพนักงานราชการของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่รับมอบอำนาจให้ยื่นซองประกวดราคาฯ มีมูลความผิดทางอาญาฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และการกระทำของพนักงานราชการของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่รับมอบอำนาจให้ยื่นซองประกวดราคาฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
4. การกระทำของกรรมการตรวจการจ้างและผู้ควบคุมงาน ไม่มีมูลความผิดทางอาญา แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง
@ การดำเนินการ
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นสมควรให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และการดำเนินการทางวินัย ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) มาตรา 98 และดำเนินการอื่น ๆ แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ด้วย
ขณะที่ แหล่งข่าวจาก สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า เกี่ยวกับคดีนี้ อัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นสั่งฟ้องคดี อัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 แล้ว
อย่างไรก็ดี มติชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สิ้นสุด นายชัยวัฒน์ ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
บทสรุปสุดท้าย ผลการต่อสู้คดีอาญาในชั้นศาลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป เช่นกัน