
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี จับตาแก้ไขเกณฑ์บังคับคนไทยต้องมีเงินฝาก 50 ล้านเข้ากาสิโนได้ แนะ ห้ามนักการเมืองเข้า-โดนตัดสิทธิ์ ชี้ เสี่ยงคอร์รัปชัน-ฟอกเงินเพิ่ม แก้วสรร อติโพธิ ซัด นโยบายสิ้นคิด-เซ้งประเทศ ตั้งฉายา ‘ครม.กาสิโน’ เตือนรับผิดทางปกครอง ซ้ำรอย ‘ยิ่งลักษณ์’
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... โดยมีกรรรมาธิการร่วมแลกเปลี่ยน
@ จับตาแก้เกณฑ์เงินฝาก 50 ล้าน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการพนัน แนวความคิดชัดเจนตั้งแต่ทำงานการเมือง คือ ไม่สนับสนุน ไม่เคยเห็นด้วยกับการนำธุรกิจใต้ดินมาบนดิน เหตุผลที่หนึ่ง การประกอบธุรกิจการพนัน แม้ทำให้ถูกกฎหมายก็ไม่สามารถลดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้มากนัก
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องจับตามอง คือ เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการให้คนไทยเข้าไปเล่นการพนัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยการปรับแก้ของคณะกรรมการกฤษฎีกาจากการมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำจำนวน 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือไม่ เพราะทำให้คนที่จะเข้าไปเล่นน้อย ซึ่งไม่ตอบโจทย์การนำสิ่งผิดกฎหมายขึ้นมาบนดิน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เหตุผลที่สอง เหตุผลในเรื่องของการท่องเที่ยว รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการยกตัวอย่างของสิงคโปร์ เป็นรูปแบบที่รัฐบาลอยากดำเนินการตาม ขณะที่อีกหลายประเทศเฉพาะในภูมิภาคนี้ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และหลายประเทศที่มีปัญหาคล้ายกับประเทศไทยในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเป็นการทั่วไป ปัญหาเรื่องการอาศัยกิจการหลายอย่างมาเป็นแหล่งการฟอกเงินหรือแหล่งอาชญากรรม ใช้เป็นแหล่งกาสิโนเป็นช่องทางในการฟอกเงิน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลจะอ้างอิงสิงคโปร์เป็นกรณีความสำเร็จแล้ว ยังใช้ตัวเลขการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในสิงคโปร์มาเทียบว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ขนาดพื้นที่ของประเทศสิงคโปร์กับการมีกาสิโน 2 แห่ง เทียบกับขนาดของประเทศไทย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเปิดกี่แห่งสามารถนำมาเทียบได้จริงหรือ
“สิงคโปร์เปิดกาสิโนปี 2553 หรือเปิดมาประมาณ 15 ปี ก่อนเปิดกาสิโนจนถึงปี 2567 นักท่องเที่ยวสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 9 ล้านคน มาเป็น 16 ล้านคน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 70 % แต่เทียบระยะเวลาเดียวกับไทยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 200 % โดยที่ไม่มีกาสิโน เช่นเดียวกัน ก่อนเปิดกาสิโนมาถึงปี 2567 สิงคโปร์มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เทียบกับไทยเพิ่มขึ้น 4 เท่า โดยไม่ต้องพึ่งกาสิโน”นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บางทีเราฟังตัวเลขแล้วตื่นเต้น ต้องดูด้วยว่าบริบทเป็นอย่างไร รัฐบาลพูดถึงมารีน่าเบย์แซนส์ แต่มีที่เซ็นโตซ่าด้วย เมื่อปลายปีที่แล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ตัดสินใจต่อใบอนุญาตจาก 3 ปี เป็น 2 ปี ลดมา 1 ปี เหตุผลเพราะเซ็นโตซ่า ไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมาย การท่องเที่ยวการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแถวมารีน่าเบย์ฯ อาจไม่เกี่ยวกับกาสิโน เพราะถ้ากาสิโนเป็นตัวดึงดูดจริง แล้วทำไมเซ็นโตซ่าไม่เพิ่มขึ้นตามเป้า
@ ผลการศึกษาคำนวณแบบหยาบ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่ห่วงที่สุด การเปิดสถานประกอบการนี้เกิดผลประโยชน์ต่างๆ นั้น บนสมมุติฐานของอะไร มีแต่ตัวเลขของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งหน่วยงานยอมรับว่าเป็นการคำนวณแบบหยาบๆ เบื้องต้นเท่านั้น
“ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือมีการใช้ตัวเลขอ้างอิงการศึกษาของภาคเอกชนในเชิงธุรกิจ ซึ่งประโยชน์ที่เกิดขึ้นทางธุรกิจและประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประเทศคนละเรื่องกัน”นายอภิสิทธิกล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลอ้างว่า อยากได้สิ่งอื่นๆด้วยจะเป็นประโยชน์มหาศาล ขณะเดียวกันก็ย้อนแย้งเพราะบอกว่า ถ้าจะเอาสิ่งอื่นๆมา นักลงทุนจะไม่มา เพราะไม่มีกาสิโน โดยอ้างว่ารายได้ 70 % มาจากกาสิโน ทำให้ธุรกิจอื่นที่ตามมาคุ้มทุน ขอถามกลับว่า ดิสนีย์แลนด์มีกาสิโนหรือไม่ หรือสถานที่แสดงคอนเสิร์ตชั้นนำของโลก คือ สเฟียร์ ลาสเวกัส
“กลายเป็นภาษีที่จะจัดเก็บจากกิจกรรมอื่นเยอะกว่าเก็บจากกาสิโน ถ้ารัฐบาลบอกว่าไม่มีกาสิโนแล้ว สถานบันเทิงครบวงจรไม่มีทางเกิด ทำไมไม่ลองออกกฎหมายโดยไม่มีกาสิโน ถ้าบอกว่า ถ้าไม่มีกาสิโนไม่ต้องออกกฎหมาย ไม่ใช่ เพราะรัฐบาลกำลังให้สิทธิพิเศษกับผู้ประกอบการตรงนี้ ลองให้กับธุรกิจอื่นที่บอกว่าจะไม่มา ผมไม่เชื่อว่าจะไม่มีการลงทุน”นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเรียกร้องให้มีการศึกษาเพราะว่าถ้าเอาตัวเลขของภาคเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการ ไม่ครบถ้วนทั้งหมด รายได้ทั้งหมดไม่ใช่รายได้ที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ไปลดรายได้จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน เวลาคำนวณว่า สถานประกอบการมีรายได้เท่าไหร่ ในทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศทั้งหมด ทรัพยากรที่เข้าไปหมุนเวียนไม่ได้เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่ถูกเบี่ยงเบนมาจากที่อื่น
“ที่สำคัญเราอยากเห็นการทำการศึกษาโดยภาครัฐที่ศึกษาเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม ต้องไปไกลกว่าการมีตัวเลขแค่นี้ว่า กาสิโนจะมีรายได้เท่าไหร่ แล้วจะเก็บภาษีเท่าไหร่ เพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น”นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า
“ยังไม่นับรวมว่าโครงการที่จะเกิดขึ้น ทรัพยากรที่จะใช้ของรัฐ ซึ่งขณะนี้ฟังดูน่าจะชัดเจนแล้วว่า จะต้องไปตั้งอยู่บนที่ของรัฐ แล้วที่ของรัฐนั้นถูกไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นต้องไปคำนวณด้วยว่าสูญเสียตรงนั้นไป เช่น ท่าเรือ สิ่งที่เคยท่าเรือสร้างรายได้ก็ต้องนำมาหัก แต่ถ้าไปเอารายงานของผู้ประกอบการ เขาก็ไม่คำนึงถึง แต่ถ้าเป็นผู้บริหารประเทศ ก็ต้องดูให้ครบ”นายอภิสิทธิ์กล่าว
@ หักลบ นทท.จีน 1 ใน 3
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากการจ้างงาน คือ ภาษีที่เก็บได้เข้าสู่รัฐ ได้มาจากกาสิโน คำถาม คือ รายได้จากกาสิโนมาจากไหน แยกออกเป็นส่วน หนึ่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการศึกษามาประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 20 คนไทยร้อยละ 80 เงินมาจากไหน มาจากคนที่เล่นแล้วเสีย แต่ถ้าเอาไปใช้จ่ายที่อื่นดีกับเศรษฐกิจกว่าหรือไม่
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การคิดจะส่งเสริมการท่องเที่ยว กรณีนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ถ้าจะคำนวณว่า กาสิโนจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กี่คนต้องมาหักลบกับนักท่องเที่ยวจีนด้วย เพราะจีนไม่สนับสนุนให้คนจีนเล่นการพนันด้วยแล้วมันจะคุ้มกันหรือไม่ และในทางเศรษฐกิจยังไม่เห็นมีการคำนวณว่า ค่าเสียโอกาสจากการใช้ทรัพยากรคืออะไร หรือถ้าจะใช้ทรัพยากรของรัฐก็ควรที่จะปฏิบัติตามกติกาปกติ แบบนี้เท่ากับเป็นการร่วมทุนโดยรัฐ ส่วนที่บอกว่า ง่ายที่สุดคือการที่รัฐบาลชี้ว่าจะไปทำที่ไหน จึงสันนิฐานว่าเป็นที่ของรัฐ เพราะการเวนคืนที่ดินมาทำโครงการแบบนี้ไม่น่าจะได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รายงานของธนาคารซิตี้กรุ๊ปวิจัยว่า อาจจะเกิดรายได้จากกาสิโนปีละ 3 แสนล้านบาท ต้องดูว่าสมมุติฐานนั้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากการเปิดกาสิโนที่กรุงเทพฯและเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภูเก็ต เชียงใหม่ สมมุติฐาน คือ 50 % ของประชากรไทยที่มีอายุเกิน 20 ปี เข้าไปเล่น กรุงเทพฯกับอีอีซีตัวเลข 5 ล้านคน เล่นปีละ 3 ครั้ง หรือ แลกกับการที่ต้องมีคนไทยวันละ 40,000 คนเข้าไปเล่นการพนัน เล่นเสียเฉลี่ยครั้งละ 13,000 บาท

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เพราะฉะนั้น ถ้าจะบอกว่า อยากได้รายได้เยอะ ๆ แต่มาบอกว่าไม่ต้องกลัวคนเข้าไปเล่นเยอะ เป็นไปไม่ได้ ขณะที่ตัวเลขของรัฐบาล โดยบอกว่าจะมีรายได้ที่เก็บจากคนที่เข้ากาสิโน 3,700 ล้านบาท หรือ เก็บค่าเข้าคนละ 5,000 บาท แปลว่า มีคนเข้าไปทั้งปี 740,000 คน หรือ วันละ 2,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่แตกต่างกันมาก
@ ห้ามนักการเมืองเข้าไปเล่นกาสิโน-เข้าโดนตัดสิทธิ์
“ยิ่งเห็นตัวเลขเหล่านี้ ผมยังยืนยันความเชื่อและเหตุผลที่มีมาตลอด 30 กว่าปีที่เข้ามาทำงานการเมืองว่า ผลได้จากนโยบายนี้ไม่น่าจะคุ้มกับผลเสียและความเสี่ยงที่จะตามมาอีกมากมาย ส่วนในทางกฎหมายไม่สามารถบังคับให้ทำประชามติได้”นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในที่สุดร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรจะมีบทบัญญัติหลายมาตราที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เช่น หนึ่งคุณสมบัติของคนที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโน คนไทยต้องมีเงินฝาก 50 ล้านบาท เพราะถ้ามีอยู่ รายงานตัวเลขต่างๆ โยนทิ้งได้เลย เพราะจำนวนคนไทยที่จะเข้าไปเล่นจะเหลือไม่กี่คน สอง มาตรการไม่ให้คนเข้าไปเล่น เช่น การขึ้นทะเบียน ขอให้ใส่เข้าไปในกฎหมาย จะได้รัดกุม รวมถึงมาตรการป้องกันการฟอกเงิน ระบบการตรวจสอบ ถ้าจะให้มั่นใจต้องใส่เข้าไปในกฎหมาย เพราะขณะนี้เป็นคำพูดลอยๆ
“ผมฝากไว้ด้วย ถ้ามีโอกาสแปรญัตติ ห้ามนักการเมืองเข้าไป ใครเข้าไปต้องถูกตัดสิทธิ์ไปเลย เพราะไม่ต่างอะไรกับคนใกล้ล้มละลาย ถ้าเราอนุญาตให้นักการเมืองเข้าไปเล่นการพนัน ความเสี่ยงเรื่องคอร์รัปชันและฟอกเงินจะเพิ่มขึ้น”นายอภิสิทธิ์กล่าว
@ ‘แก้วสรร’ ซัด นโยบายสิ้นคิด-ขัดรัฐธรรมนูญ
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบทางด้านสังคมและกฎหมายของการมีสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและการพนันออนไลน์ วุฒิสภา กล่าวว่า หน้าที่ของกมธ.ฯที่สำคัญมากๆ คือ ทำความชัดเจนออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะอำพรางหรือคลุมเครืออย่างไรต้องเอาออกมาให้ชัดให้ได้
“ที่มากกว่านั้น ผมคิดว่าเป็นประเด็นกฎหมาย ที่อาจารย์อภิสิทธิ์ชี้นี่ชัดมาก คือ รายได้ของกาสิโนไม่มี Productivity (ผลิตภาพ) ในทางเศรษฐกิจเลย เป็นการชิงทรัพย์ ล้วงกระเป๋าออกมาจากประชาชนไทยวันละ 40,000 คน สีจิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน พูดว่า นโยบายที่จะหารายได้โดยอาศัยการพนันจากคนจีนเป็นนโยบายที่สิ้นคิด สำหรับผมชี้ขาดแล้ว มันเหมือนกับขัดรัฐธรรมนูญ”นายแก้วสรรกล่าว
@ เปิดประตูกาสิโนโลก-เซ้งประเทศ
นายแก้วสรรกล่าวว่า สินค้าเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ราคาตกต่ำ ทั้งที่เป็นงานของรัฐบาล แล้วจะมีรัฐไว้ทำไม มีรัฐให้เปิดประตูให้ทุนกาสิโนโลกเข้ามา แล้วก็ปล้นเอาเงินไป
“ผมจะลุยทางด้านกฎหมายตรงนี้สามารถพัฒนาเป็นจุดยืนทางด้านกฎหมายได้หรือไม่”นายแก้วสรรกล่าวและว่า
“ฝากอาจารย์อภิสิทธิ์ช่วยดูด้วย ผมพยายามมองโครงการนี้ ผมมองว่าตอนนี้เงินในโลกมันกำลังหาที่อยู่ใหม่ คนเหมือนกัน จีนเทา ทั้งเงินทั้งคนกำลังหาที่อยู่ใหม่ อุตสาหกรรมกาสิโนโลกก็เหมือนกัน มันก็กำลังหาที่อยู่ใหม่ แล้วมันไม่ต้องการถือเป็นดอลลาร์ ต้องการเป็นการลงทุน เพราะฉะนั้น นี่คือการเซ้งประเทศ”นายแก้วสรรกล่าว
นายแก้วสรรกล่าวว่า เมื่อได้ดูร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ เป็นการยกเว้นพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 หรือ กฎหมายร่วมทุน การท่าเรือจะได้ค่าเช่าหรือไม่ มีการควบคุมหรือไม่ ยกเลิกที่ราชพัสดุ การคำนวณมูลค่าของที่ดินและการลดภาษี เป็นการเซ้ง
@ เตือน รับผิดทางปกครอง ซ้ำรอย ‘ยิ่งลักษณ์’
นายแก้วสรรกล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็น ถ้าเป็นมาตรฐานโลก เรียกว่า public hearing หมายถึงการไต่สวน เพราะฉะนั้น เงื่อนไขข้อที่ 1 ต้องมีความชัดเจนในโครงการของรัฐก่อน ผลประโยชน์ ผลได้ ผลเสีย มาตรการต่างๆ ต้องชัดทั้งหมด ข้อมูลต้องครบ หลังจากนั้นแต่งตั้งคนกลางที่เชื่อถือได้เป็นกรรมการจัดการไต่สวน เรียกว่า ไต่สวนสาธารณะ ประชาชนที่ต้องการโต้แย้งในแต่ละเรื่องเสนอข้อท้วงติง พร้อมหลักฐาน และเข้าไปสู่ผู้มีอำนาจตัดสินใจ งานนี้ใช้ประชามติไม่ได้
“ออกกฎหมายแบบนี้ blank check คนจะตัดสินใจเรื่องอัตราค่าธรรมเนียม เรื่องคน เรียกว่า คณะกรรมการนโยบาย แต่ไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิ นี่คือ ครม.กาสิโน รัฐมนตรีหลักๆนั่งอยู่ในนั้นหมด ให้คณะกรรมการนโยบายเป็นผู้พิจารณาและเป็นผู้เสนอให้ครม.เห็นชอบคนเดียวกัน ครม.ที่มานั่งในคณะกรรรมการนโยบาย คุณกำลังเป็นเจ้าหน้าที่ทางปกครองแล้ว แล้วถ้าทำผิดกฎหมาย จะต้องรับผิดทางปกครอง เหมือนที่ยิ่งลักษณ์โดน เพราะเป็นประธานนโยบายข้าว คือ พนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าชอบออกกฎหมายลากนักการเมืองมาทำหน้าที่ทางปกครอง การออกกฎหมายหลวมๆ โยนไปให้ทำอะไรก็ได้ถูกหรือผิด ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ หรือถ้าไม่ถึงศาลก็ต้องมีความรับผิดทางปกครองบี้คอหอยอยู่”นายแก้วสรรกล่าว
@ One Station บริการสุดชีวิต
นายแก้วสรรกล่าวว่า ขณะที่คณะกรรมการบริหาร มีใบอนุญาตไม่รู้กี่ใบ One station ใบอนุญาตสถานบริการ ใบอนุญาตโรงแรม แม้กระทั่งรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ยื่นในคราวเดียวต่อสำนักงาน และมีคณะกรรมการบริหาร คือ ปลัดกระทรวงทั้งหมด ตัวหลักทั้งนั้น ปลัดจะเป็นคนไปจี้หน่วยงานที่อนุญาต มีปัญไหม ช้าติดอะไร บอก นี่คือ One Station บริการรสุดชีวิต fast track ด้วย คุกทั้งนั้น ที่หลวมตัวเข้าไปนั่ง ปลัดกระทรวงทั้งหลาย

“ทั้งหมดจะทำได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรัดกุมของกฎหมายที่จะออก ถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านหลักการวาระที่หนึ่ง สส.ผ่าน สว.ผ่าน สมมุติ การแปรญัตติต้องแทบจะรื้อกันเลย แล้วก็สร้างความรับผิดอันนี้ขึ้นมาให้ได้ อย่าให้ประชาชนต้องมาอออยู่หน้าถนน ตากแดดตากฝน เพราะกฎหมายไม่เปิดช่อง งานนี้พวกท่านทำหน้าที่แทนปวงชน อย่าไปติดแค่วาระหนึ่ง วาระสองต้องเอาให้อยู่”นายแก้วสรรกล่าว
ที่มาภาพ : FB Abhisit Vejjajiva
อ่านประกอบ : 3 ปีปั้น ‘เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ชูโมเดลสิงคโปร์-UAE-ญี่ปุ่น

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา