"...การส่งสัญญาณลักษณะทีเล่นทีจริงดังกล่าวของ “เสี่ยแบด ภราดร” แม้คอการเมืองอาจมองว่าเพื่อสร้างสีสันในสภาฯ แต่อีกทางหนึ่งก็ประมาทไม่ได้กับเกมของ “ก๊กน้ำเงิน” ที่ “ครูใหญ่” ขึ้นมาทาบรัศมี “สทร.” อย่างเต็มขั้น มีสิทธิเจรจาต่อรองเต็มที่..."
“ครั้งหน้าเราก็ไม่รู้จะต้องมีอีกสมัยประชุมหรือเปล่า สมัยนี้สุดท้ายหรือยังก็ไม่รู้ ขอให้ยังไม่สุดท้ายก็แล้วกัน”
คือคำพูดตอนหนึ่งของ “แบด” ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 2 พูดปิดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ เมื่อ 10 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
คำพูด “ทีเล่นทีจริง” ดังกล่าว กลายเป็นชนวนให้หลายคนตั้งคำถามว่า นี่คือการ “ส่งสัญญาณ” ว่า อาจมีการ “ยุบสภาฯ” ในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ สอดรับกับเงื่อนปมร้อน “รัฐบาลเพื่อไทย” ยอมถอยกฎหมาย “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ออกจากญัตติสมัยประชุมนี้ เตรียมยื่นเข้าพิจารณาวาระที่ 1 ในสมัยประชุมครั้งถัดไป
@ ภราดร ปริศนานันทกุล
ต้องไม่ลืมว่า “แบด” คือลูกชายคนโตของ “เสี่ยตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตนักการเมืองรุ่นลายคราม “บ้านใหญ่อ่างทอง” ซึ่งก่อนหน้านี้ “เสี่ยตือ” เคยออกมาส่งสัญญาณ “ค้าน” ร่างกฎหมาย “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ยัดไส้ใน “กาสิโน” มาแล้ว ถึงกับขู่ให้ “ก๊กน้ำเงิน” ถอนตัวพ้นพรรคร่วมรัฐบาล หาก “เพื่อไทย” ยังดึงดันจะทำกฎหมายฉบับนี้
เบื้องต้น “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า ไม่ได้ยินคำพูดของนายภราดร และไม่ได้เห็นสีหน้าท่าทางของนายภราดร รวมถึงยังไม่ได้มีการพูดคุยกันด้วย
ส่วนจะเป็นเหตุปัจจัยให้มีการยุบสภาหรือไม่นั้น “มท.1” ระบุว่า ทุกอย่างพูดคุยกันได้หมด และนายกรัฐมนตรีบอกแล้ว ว่า จะใช้เวลาพูดคุยกับหัวหน้ารัฐบาลมากขึ้น ทุกครั้งที่มีการหารือกับนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีอะไรที่ตกลงกันไม่ได้ ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ กัน เมื่อนายกรัฐมนตรีเชิญหารือทุกคนก็พยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความร่วมมือให้สำเร็จตามนโยบาย
เหตุการณ์รัฐบาลยอม “ถอยกราวรูด” ในร่างกฎหมาย “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ดังกล่าว กูรูการเมืองประเมินกันว่ามาจาก 4 ปัจจัยหลัก 1.พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ภูมิใจไทย” ที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่เอาร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยที่ผ่านมาว่ากันว่าเกิดการเจรจา “หลังฉาก” กันหลายครั้งระหว่าง “สทร.” กับ “ครูใหญ่” ถึงการ “จัดสรรปันส่วน” เชิงพื้นที่ ในร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ยังไม่ลงตัวกัน เป็นหนึ่งในปัจจัยทำให้ “ก๊กน้ำเงิน” ออกอาการ “คุยไป รบไป” อยู่ในตอนนี้
โดยเฉพาะฉากที่ “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการภูมิใจไทย ถึงกับลั่นกลางสภาฯว่า “ผมเป็นลูกของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ” ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการมี “กาสิโน” ในร่างกฎหมาย “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ทำเอา “เสี่ยหนู” ถึงกับกุมหัว ต้องรีบออกมาชี้แจงพัลวันว่าคำพูดของ “ไชยชนก” เป็น “ความเห็นส่วนตัว” แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติพรรค
@ ไชยชนก ชิดชอบ
นัยของ “ไชยชนก” ที่มิค่อยได้พูดในสภาฯบ่อย ถึงกับเล่นใหญ่ประกาศกร้าวกลางสภาฯหนนี้ พร้อมกับโชว์สาแหรกประวัติว่าคือลูกชาย “เนวิน-กรุณา ชิดชอบ” บ้านใหญ่แห่งบุรีรัมย์ สะท้อนให้เห็นว่า ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ “เพื่อไทย” พยายามผลักดันอยู่นี้ ยัง “หารือ” ไม่สะเด็ดน้ำ ดังนั้นถ้ายังไม่เคลียร์กับ “ก๊กน้ำเงิน” ให้เรียบร้อย ก็อย่าหวังจะผ่านสภาฯไปได้หรือไม่?
2.ด้วยภารกิจของ “สทร.” มาโดย “เฉพาะกิจ” คือการกำราบ “พลพรรคส้ม” ให้ศิโรราบ ท่ามกลาง “ส้ม” กระแสสูง ส่วน “แดง” ตกต่ำ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ก๊กแดง” ต้องควงแขน “ก๊กน้ำเงิน” แบบไปไหนไปกัน แยกกันไม่ได้ เพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงผ่านพ้นไป ดังนั้นความขัดแย้งลักษณะ “รบไป คุยไป” น่าจะเกิดขึ้นอีกหลายยก สิ่งสำคัญคือจะ “รอมชอน” กันได้มากน้อยแค่ไหน เพียงใด?
3.สว.ที่ถูกหลายฝ่ายมองว่าเป็นเนื้อเดียวกันกับ “ก๊กน้ำเงิน” เกินกว่าครึ่งสภาฯ ออกโรงคัดค้านเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด โดยอีกนัยหนึ่งคือการขัดขวางกฎหมายระดับ “นโยบาย” ของรัฐบาลแทบทุกเรื่องหลังจากนี้ เพื่อ “เอาคืน” ที่ “ก๊กแดง” เอา “ดีเอสไอ” มาไล่บี้ตรวจสอบเงื่อนงำ “ฮั้วเลือก สว.” ที่ผ่านมา
4.กลุ่มมวลชน ที่แม้ตอนนี้จะเป็นหน้าเดิม ๆ คือ กลุ่มอดีตพฤษภา 35 ผนึกกับกลุ่มอนุรักษนิยมเก่า นำโดย “จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ที่พลิกขั้วกลับมายืนข้าง “เพื่อนเก่า” ยุคพฤษภาทมิฬ พร้อมด้วยคน คปท. และอดีตกลุ่มก๊วนม็อบพันธมิตร-กปปส.แถว 2-3 เบื้องต้นแม้รัฐบาลประเมินแล้วว่าม็อบนี้ “จุดไม่ติด” แต่ก็ไม่อาจประมาทได้ หากฝ่าย “อนุรักษนิยม” ระดับสูงที่ยึดกุมกลไกประเทศนี้ เอาด้วย อาจบานปลายเป็นเหมือน “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ” ยุค “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นการส่งสัญญาณลักษณะทีเล่นทีจริงดังกล่าวของ “เสี่ยแบด ภราดร” แม้คอการเมืองอาจมองว่าเพื่อสร้างสีสันในสภาฯ แต่อีกทางหนึ่งก็ประมาทไม่ได้กับเกมของ “ก๊กน้ำเงิน” ที่ “ครูใหญ่” ขึ้นมาทาบรัศมี “สทร.” อย่างเต็มขั้น มีสิทธิเจรจาต่อรองเต็มที่
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง แรงต่อรองระหว่างกันไม่สมผลประโยชน์ขึ้น ไม่แน่ว่า “ก๊กน้ำเงิน” อาจรอให้ “คุณหนู” เพลี้ยงพล้ำตกเก้าอี้นายกฯ แล้วจัดองคาพยพพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ สานฝัน “เสี่ยหนู” นั่งเก้าอี้นายกฯสมัยแรกแบบ “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ภาพ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร จาก www.innnews.co.th
เพราะ “ก๊กแดง” ตอนนี้ “สทร.” กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับ “ภารกิจพิเศษ” ที่ยังไม่คืบหน้าถึงไหน การบริหารงานด้านเศรษฐกิจก็ยักแย่ยักยัน แถมยังมีวาระซ่อนเร้นอย่างการพา “น้องสาว” กลับบ้านอีกช็อต มีสิทธิที่ “ฝ่ายอนุรักษนิยม” อาจเปลี่ยน “ม้าใช้” กลางคัน ก็เป็นไปได้
สวนทางกับ “ก๊กน้ำเงิน” ที่กำลังเบ่งบาน ขึ้นกระแสสูงสุดในทางการเมือง ทั้งได้เสียงอันดับ 3 ในสภาล่าง มากบารมีในสภาฯสูง และองค์กรอิสระบางแห่ง ยึดกุมกลไกงานรัฐไว้แทบทั้งหมด รอเพียง “ส้มหล่น” เท่านั้น
ดังนั้นฉากหลังจากนี้ ช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ “ก๊กแดง-น้ำเงิน” จำเป็นต้องไปหารือ ปะผุรอยร้าวที่เกิดขึ้นโดยด่วน ก่อนที่ “ก๊กส้ม” ที่กำลังโจนทะยาน ได้เสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่จบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจลงไป อาจเข้ามาเป็น “ตาอยู่” ก็เป็นได้?