"...ตนมองว่าคงมีอีกหลายประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาในลักษณะของการทำงานของ กสทช. ในบางเรื่องมีมติแล้ว แต่ในหลายครั้งที่มตินั้นไม่ยอมนำไปสู่การปฏิบัติ และมีหลายเรื่องที่เราโดนฟ้อง ทั้งๆ ที่เราเองพยายามปกป้องสิทธิหน้าที่ของประชาชนและอำนาจหน้าที่ของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งรักษาการเลขาธิการ กสทช.ก็ควรต้องเป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จะต้องมาร่วมกันให้ความเห็นชอบ..."
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org): เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 155/2566 ซึ่งเป็นคดีที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (โจทก์) ยื่นฟ้อง พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 1) ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 2) , รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 3) , รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 4) และ ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. (จำเลยที่ 5) ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 1) ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาว่า ต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเราทั้ง 4 คน และเชื่อว่าสิ่งที่พวกเราทำมา เราทำมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งได้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ เพราะสิ่งที่เราทำมาเป็นไปตามกฎระเบียบทุกอย่าง
ส่วนจะมีมาตราการดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิของโจทก์ว่าจะอุทธรณ์หรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่ศาลให้คำตัดสินว่าในการดำเนินการในเรื่องนี้หากมีการดำเนินการให้เป็นไปตามมติของ กสทช. มองว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร แต่เนื่องจากมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมติ ของ กสทช.เลยทำให้เกิดปัญหา
พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าคงมีอีกหลายประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาในลักษณะของการทำงานของ กสทช. ในบางเรื่องมีมติแล้ว แต่ในหลายครั้งที่มตินั้นไม่ยอมนำไปสู่การปฏิบัติ และมีหลายเรื่องที่เราโดนฟ้อง ทั้งๆ ที่เราเองพยายามปกป้องสิทธิหน้าที่ของประชาชนและอำนาจหน้าที่ของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งรักษาการเลขาธิการ กสทช.ก็ควรต้องเป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จะต้องมาร่วมกันให้ความเห็นชอบ
พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ กล่าวว่า ในแง่ของการแต่งตั้งรองเลขาธิการคนต่อไปเชื่อว่าก็ต้องเป็นอำนาจของ กสทช. ไม่ใช่ว่าจะเป็นอำนาจของใครคนใดคนหนึ่งที่จะมีอำนาจในการมาดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็ทราบดีว่าเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามระเบียบ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติของ กสทช.หลายๆ ชุดที่ผ่านมา ก็ได้มีการปฏิบัติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบางครั้งอาจจะมีการดำเนินการที่ไม่ยอมรับในมติ หรือไม่เป็นไปตามมติ จึงทำให้เกิดปัญหา แต่อย่างไรพวกเราก็พร้อมที่จะยืนหยัดทำหน้าที่เพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป
"การสรรหาเลขาธิการ กสทช.ตั้งแต่ ม.ค.2567 มีการไม่เห็นชอบไปแล้ว กรรมการทั้ง 4 คนเคยทำหนังสือทักท้วงให้มีการสรรหาเลขาธิการโดยไว รวมทั้งวุฒิสภา โดยมีการแต่งตั้งนะครับ คณะทำงานโดยมีพล.อ.สมเจต บุญถนอม ก็ให้คำแนะนำมาแล้วว่า ควรที่จะต้องสรรหาโดยไว โดยที่จะต้องอาศัยมติ กสทช. เป็นสำคัญ แต่ทางสำนักงานก็ไม่ยอมดำเนินการ แม้กระทั่งยกเรื่องนี้มา ก็ไม่ยอมมาหยิบยกให้มีการพิจารณาในปัจจุบัน" พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ ระบุ
ส่วนการทำงานหลังจากนี้ จะเป็นการขัดแย้งภายในองค์กรหรือไม่ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยขัดแย้งกับใคร ตนทำตามอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ ในกรณีที่จะให้ยอมรับในสิ่งที่มีความรู้สึกว่าไม่ถูกต้องตามข้อกฎหมายนั้น ตนคิดว่าเป็นเอกสิทธิ์ของตน
ทั้งนี้ ตนยอมรับในมติมาโดยเสมอ เราก็ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องนี้ ส่วนการที่อะไรถูกต้อง ก็ยินดีสนับสนุน พร้อมทั้งยืนยันว่าจะยังคงยึดมั่นทำตามหน้าที่มาโดยตลอดตั้งแต่สมัยเป็นรองเลขาธิการ จนปัจจุบันเป็นกรรมการ
ทางด้าน ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 2) กล่าวว่า ในวันนี้ศาลตัดสินยกฟ้องตนกับพวกในคดีนี้ เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย และในส่วนที่องค์คณะมีความเห็นแย้งในคดีนี้ให้สั่งจำคุกนั้น ตนไม่ได้หนักใจ เป็นสิทธิของศาลที่สามารถทำได้ คาดว่าหลังจากนี้ น่าจะมีการใช้สิทธิอุทธรณ์ของฝ่ายโจทก์ โดยตนเตรียมที่จะอุธทรณ์ข้อเห็นแย้งของฝ่ายโจทก์ด้วย
ศ.ดร.พิรงรอง กล่าวว่า ในส่วนการศึกษาคำพิพากษาฉบับเต็ม คาดว่าน่าจะใช้เวลาศึกษาอีกอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
"ต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับทุกคน ขอยืนยันว่าทุกคนทำหน้าที่ตามกฎหมายโดยตลอด และเหตุแห่งคดีนี้เป็นการปกป้องประโยชน์ของสาธารณะ ทั้งส่วนของผู้บริโภคในส่วนของการรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก และส่วนของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. แต่ไม่สามารถถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้" ศ.ดร.พิรงรอง กล่าว
ในส่วนกระบวนการติดตามข้อเท็จจริงของเงิน 600 ล้านบาท ศ.ดร.พิรงรองกล่าวว่า มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบค่าปรับในระดับคณะทำงานของ กสทช. เข้าใจว่าคณะทำงานได้ทำงานส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เรียบร้อย น่าจะอยู่ในวาระสำหรับการพิจารณาของ กสทช.แน่นอน
ส่วนจะมีปัญหาขัดแย้งภายในองค์กรเกี่ยวกับการทำงานหรือไม่ ศ.ดร.พิรงรอง กล่าวว่า ในส่วนของการทำงาน ทุกคนมีความเป็นมืออาชีพพอ ในส่วนของการทำงานก็ยังคงทำตามหน้าที่ต่อ และในส่วนคดีก็ดำเนินการตามกระบวนการ
ศ.ดร.พิรงรอง กล่าวถึงคดีก่อนหน้านี้ที่บริษัท ทรู เป็นฝ่ายยื่นฟ้อง ได้มีการยื่นอุทรณ์แล้วหรือไม่ ว่า คดีนั้นทางยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ เพราะยังอยู่ในระยะเวลาของการศึกษาคำพิพากษาอยู่ ซึ่งในคดีนี้มีอัยการและทนายความเข้ามาเป็นผู้ช่วยแก้ต่างด้วย โดยส่วนที่จะอุทธรณ์ประเด็นใดนั้นจะต้องหารือกับอัยการและทนายความอีกครั้งหนึ่ง
อ่านข่าวประกอบ :