คำพิพากษาศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ‘สมจิตร อินทร์สุข’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ ตามคำร้อง กกต. มีประวัติต้องคดียักยอกทรัพย์ ถูกจำคุก 22 กระทง 44 เดือน ปรับ 44,000 บาท การลงโทษ 3 ปี คุณสมบัติต้องห้าม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 เดือน กุมภาพันธ์ 2568 ศาลฎีกามีคำ พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนางสมจิตร อินทร์สุข ผู้คัดค้านเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา ในคดีผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 1 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดศรีสะเกษ ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ข้อเท็จจริงได้ความ ว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ผู้คัดค้านต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1108/2556 ฐานยักยอก ลงโทษจำคุกกระทงละ 4 เดือน และปรับกระทงละ 4,000 บาท รวม 22 กระทง เป็นจำคุก 88 เดือน และปรับ 88,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 44 เดือน และปรับ 44,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้คัดค้านจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12)
คำพิพากษามีรายละเอียดดังนี้
คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 347/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 6/2568
ศาลฎีกา วันที่ 26 เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2568
ความคดีเลือกตั้ง
ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง
นางสมจิตร อินทร์สุข ผู้คัดค้าน
เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภากำหนดวันเลือกระดับอำเภอ วันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 1 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดศรีสะเกษ ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริงโดยผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยรู้อยู่แล้วว่า ตนเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดฐานยักยอกอันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรณีถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมและรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือก อันเป็นการฝ้าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้มีคำสังเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมบุญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคำคัดค้าน
@ เคยถูกจำคุก 44 เดือน ปรับ 44,000 บาท คดียักยอกทรัพย์
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า คดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน จึงให้งดการไต่ส่วน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (122) อันจะถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ หรือไม่
เห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความจากคำร้องและสำนวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดศรีสะเกษ เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 1 ถึง 20 ว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 ผู้คัดค้านต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 108/2556 ฐานยักยอก ลงโทษจำคุกกระทงละ 4 เดือน และปรับกระทงละ 4,000 บาท รวม 22 กระทง เป็นจำคุก 88 เดือน และปรับ 88,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 44 เดือน และปรับ 44,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามสำเนาคำพิพากษาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 9 หน้าที่ 29 และที่ 30 และหนังสือสำคัญเพื่อแสดงว่าคดีถึงที่สุดเอกสารหมาย ร.2 ส่วนผู้คัดค้านไม่ยื่นคำคัดค้านและไม่ได้นำพยานหลักฐานมาไต่สวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น
@ ต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุด มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็น สว.
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้คัดค้านจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 3 หน้าที่ 14 และที่ 15 ว่า ผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 266 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 251 มาตรา 20 วรรคสี่
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนางสมจิตร อินทร์สุข ผู้คัดค้านเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา