"...นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสตง. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศราสั้นๆ ว่า กำลังอยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น คงจะต้องมีการหารือในรายละเอียดกันต่อไป ที่ผ่านมา สตง.ก็มีการตรวจรับงานเป็นงวดๆ ไปแล้ว ประมาณ 20 กว่า % เท่านั้น ..."
สร้างความโกลาหลกันไปทั่ว กรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ริกเตอร์ ส่งผลทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย
แต่ที่น่าตกใจ คือ อาคารที่ทำการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ความสูง 30 ชั้น งบประมาณ 2,136 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 11 ไร่ ใจกลางย่านการค้าตลาดนัดจตุจักร ใกล้ MRT กำแพงเพชร ติดสถานีกลางบางซื่อ ตรงข้าม JJ MALL พังถล่มลงมาทั้งหมด
สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง.แห่งใหม่ดังกล่าว เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 แต่หยุดชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดย สตง. ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ 3 งาน บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยได้เสนอขออนุมัติงบประมาณรายการค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 2,560 ล้านบาท และได้รับการอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ต่อมาได้ดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และได้ผู้ชนะการประกวดราคา ได้แก่ กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) ซึ่งเป็นผู้เสนอราคารายต่ำสุด ด้วยวงเงิน 2,136 ล้านบาท จากนั้นได้ดำเนินการจัดหาผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยวิธีคัดเลือกผู้ให้บริการควบคุมงานจ้างก่อสร้าง โดยกิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จำกัด) เป็นผู้ชนะการยื่นข้อเสนองานจ้างควบคุมงาน ด้วยวงเงิน 74.65 ล้านบาท
ในการดำเนินโครงการดังกล่าว สตง. ได้ยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประหยัดและความคุ้มค่า ซึ่งสอดคล้องกับหลักการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 กล่าวคือ สตง. ได้ดำเนินการจัดหา ผู้รับจ้างโดยมีการเปิดเผยข้อมูลในทุกขั้นตอน มีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายโดยเท่าเทียมกัน ตลอดจนกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการยื่นข้อเสนอ เป็นต้น จนกระทั่งได้ผู้ชนะการประกวดราคา ด้วยวงเงิน 2,136 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคากลางงานก่อสร้าง จำนวน 2,522.15 ล้านบาท จึงคิดเป็นจำนวนเงินที่ต่ำกว่าราคากลางทั้งสิ้น 386.15 ล้านบาท
ขณะที่ สตง. ได้ลงนามก่อหนี้ผูกพันสัญญา ประกอบด้วย
1. สัญญาเลขที่ 021/2546 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 จ้างกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด) ก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ พร้อมสิ่งก่อสร้าง ประกอบ จํานวนเงิน 2,136 ล้านบาท
2. สัญญาเลขที่ 024/2564 ลงวันที่ 14 มกราคม 2564 จ้างกิจการร่วมค้า (Joint Venture) PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด, บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จํากัด และ บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด) ควบคุมงานก่อสร้างอาคาร พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ จํานวนเงิน 74,653,000 บาท โดยขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2569
ในระหว่างการก่อสร้าง สตง.มีความจําเป็นต้องขยายระยะเวลาดังกล่าวทําให้ครบกําหนดสัญญาในวันที่ 3 มิถุนายน 2567 ด้วยเหตุดังต่อไปนี้
ครั้งที่ 1 เนื่องจากงานรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมในพื้นที่ การหยุดงานก่อสร้างตาม ประกาศของทางราชการอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และมีงานพิธีวางศิลาฤกษ์ รวมเป็น ระยะเวลา 58 วัน
ครั้งที่ 2 เนื่องจากการแก้ไขแบบก่อสร้าง กรณี Load Factor, Core Wall และการสัญจรของรถบรรทุกในชั้นใต้ดิน รวมเป็นระยะเวลา 97 วัน
ขณะที่ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมกับ สตง. ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการทุจริต “โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact)” กับกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี โดยสตง.ได้ดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างโดยมีการเปิดเผยข้อมูลในทุกขั้นตอน ซึ่งเมื่อเทียบกับราคากลางงานก่อสร้าง จำนวน 2,522.15 ล้านบาท จึงคิดเป็นจำนวนเงินที่ต่ำกว่าราคากลางทั้งสิ้น 386.15 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2566 เกิดเหตุเครนถล่ม ที่บริเวณไซต์งานก่อสร้าง ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัสเป็นชาวกัมพูชาอีก 2 คน
ณ วันนี้ อาคารได้พังถล่มลงมาทั้งหมด ขณะที่มีรายงานข่าวจากจากศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สถานการณ์ เวลา 15.07 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 50 ราย ได้นำส่งโรงพยาบาลแล้ว ผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับแจ้งจากหัวหน้าคนงานว่า ยังมีผู้ติดอยู่ในอาคาร ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน
ส่วนความเสียหายของอาคารที่พังถล่มลงมานั้น แหล่งข่าวจาก สตง. ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า เบื้องต้น ผู้บริหาร สตง. คงจะต้องมีการหารือกับผู้รับเหมาว่า จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป รวมถึงรายละเอียดโครงสร้างอาคาร จะรื้อฐานโครงการเดิมออกยังไง สร้างต่อได้ไหม หรือจะสร้างใหม่ต่อยังไง วัสดุก่อสร้างเป็นอย่างไร ข้อกำหนดในสัญญาที่ทำไว้กับผู้รับจ้างเป็นอย่างไร ซึ่งนับเป็นเรื่องใหญ่มาก อย่างไรก็ดี ในสัญญาว่าจ้างงานมีการระบุเรื่องการทำประกันภัยเอาไว้ด้วย
@ สุทธิพงษ์ บุญนิธิ
ขณะที่ นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสตง. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศราสั้นๆ ว่า กำลังอยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น คงจะต้องมีการหารือในรายละเอียดกันต่อไป ที่ผ่านมา สตง.ก็มีการตรวจรับงานเป็นงวดๆ ไปแล้ว ประมาณ 20 กว่า % เท่านั้น