พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร ขาดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถือหุ้น บ.อัลไพน์ กระทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เลี่ยงภาษี - แพทองธาร ตอบสั้น ๆ “ไม่เป็นความจริง”
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 มีนาคม 2568 เวลา 08.20 น. ที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รายนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม 2568 รวม 2 วัน และลงมติในวันที่ 26 มีนาคม 2568 โดยการอภิปรายในวันแรก พรรคฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 17 ชั่วโมง พรรคฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนการอภิปรายในวันที่สอง พรรคฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 11 ชั่วโมง พรรคฝ่ายรัฐบาลและครม.ได้เวลาอภิปราย 3 ชั่วโมงครึ่ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ทั้งสามฝ่าย ได้ตกลงกันว่า หากการอภิปรายในวันแรกหากทั้งสองฝ่ายใช้เวลาไม่หมดจะไม่มีการทบเวลาไปไว้ในพรุ่งนี้ (25 มี.ค.68) แต่หากในพรุ่งนี้พรรคฝ่ายค้านเวลายังไม่หมด สามารถอภิปรายล่วงเลยไปถึงเวลาเที่ยงคืนได้ และให้เลื่อนการลงมติจากเดิมวันที่ 26 มีนาคม 2568 ไปเป็นวันที่ 27 มีนาคม 2568
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นอภิปรายต่อจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ว่า นางสาว แพทองธาร เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาดล้มเหลว วันนี้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส เกิดปัญหาทุกข์ยาก ทุกหัวระแหง ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข อย่างที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทห้างร้านปิดกิจการจำนวนมาก การแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ผิดที่ ผิดทาง ประชาชนเกิดปัญหาหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104 % ราคาข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดำดิ่งเหว เศรษฐกิจไทยมืดมน รัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่มีมาตรการใด ๆ มาแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชน
“ผมพยายามเอาใจช่วยนายกรัฐมนตรีให้แก้ปัญหาปากท้องพี่น้องคนไทยให้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรี เคยบริหารธุรกิจมาก่อน คงมีประสบการณ์ที่จะมาช่วยประเทศชาติได้บ้าง แต่ปรากฎว่า นายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลังไปอีก จนจีดีพีของไทยรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน และที่สำคัญ คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ด้วยการตัดงบประมาณนับแสนล้านบาทที่ควรอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่กลับนำเงินก้อนนี้ไปใช้แจกเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลกและกองทุน IMF ได้ออกมาเตือนแล้วว่า การแจกเงินหมื่นไม่ได้ผล ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ แทน ถ้านายกรัฐมนตรีได้ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างรอบคอบในทุกด้าน วันนี้คนไทยจะไม่ลำบาก ทุกข์ใจ ในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัส จะนำพาประเทศไปได้อย่างไร”พลเอก ประวิตร กล่าว
พลเอก ประวิตร กล่าวว่า เป็นห่วงประเทศชาติอย่างมาก และไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง คือเรื่องของ MOU 44 ที่วันนี้นายกรัฐมนตรีพาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยงเรื่องการสูญเสียดินแดน และทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล และที่น่าเศร้าใจ คือ ลูกเรือประมงไทยที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะพากลับประเทศแต่ผ่านมา 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้กลับ
พลเอก ประวิตรกล่าวว่า ในฐานะที่เคยทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดทั้งชีวิต เป็นผู้บัญชาการทหารบก รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบดีว่า การดำเนินงานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ในหลายมิติมาก เห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องที่ท่านไม่มีประสบการณ์ แต่เรื่องความมั่นคงของชาติสำคัญอย่างยิ่ง
“ประเทศชาติไม่ใช่เวทีให้มือสมัครเล่น มาซ้อมมือได้”พลเอก ประวิตรกล่าว
พลเอก ประวิตร กล่าวว่า การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลพยายามจะผลักดัน มีช่องให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้ส่วนตัวและพวกพ้องได้
“ขอย้ำว่า กาสิโนจะนำชาติไปสู่หายนะ อันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทำให้สังคมอ่อนแอ เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้ การปล่อยปละละเลยในเรื่องต่างๆก็ส่งผลให้ไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจสีเทา และปัญหายาเสพติด อาชญากรรม และพนันออนไลน์มากมายอยู่แล้ว”พลเอก ประวิตรกล่าว
พลเอก ประวิตรกล่าวว่า อีกประเด็นที่สำคัญคือ นายกรัฐมนตรียังขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ นายกรัฐมนตรีทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เรื่องการถือหุ้น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ทั้งที่รู้ว่าเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ท่านไม่ควรแสวงประโยชน์ในทางที่ผิด นอกจากนั้นยังปล่อยปละละเลย ให้บุคคลในครอบครัวกระทำการให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่
พลเอก ประวิตรกล่าวว่า การที่บุคคลในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีได้เรียกแกนนำของพรรคการเมืองไปพูดคุยในการจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และบุคคลในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคส่อไปในทางครอบงำหรือไม่ ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ใช่การกล่าวหาด้วยอคติ แต่ตามหลักฐานข้อเท็จจริงทุกประการ
“ขอขอบคุณ สส.ทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ประชาชนทุกคนที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่มๆ ผมจึงใช้ใจบันดาลแรงในการบริหารประเทศให้สำเร็จมาได้หลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังแข็งแรง ผมเชื่อว่าถ้าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัวและพวกพ้อง ประชาชนจะชื่นชมและยอมรับท่านเอง”พลเอกประวิตร กล่าว
นางสาวแพทองธาร ลุกขึ้นชี้แจงเพียงสั้น ๆ ว่า สำหรับสมาชิก หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้อาวุโส ซึ่งได้ฟังที่พลเอก ประวิตรพูด และจับด้วยนาฬิกาตัวเอง พูดประมาณ 10 นาที อยากจะบอกว่าที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดเมื่อสักครู่ “ไม่เป็นความจริงค่ะ”