
รัฐบาลออกมาตรการขึ้นรถเมล์-รถไฟฟ้าฟรีทุกสายทาง 7 วันเริ่ม 25-31 ม.ค.นี้ คาดควักงบกลางอุดหนุน 140-150 ล้านบาท วงในเผย ‘รถเมล์ไทยสมายล์บัส’ ไม่ได้ร่วมด้วย เพราะขอความร่วมมือไม่ทัน ขณะที่กทม.เผยมีการติดต่อมาแล้ว ก่อนเปิดต้นทุนเดินรถตกเดือนละ 600 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 มกราคม 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามทีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยประชาชน จากสถานการณ์ฝุ่นละออง 2.5 (PM2.5) ของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม เข้าดูแลบริหารจัดการ ด้านโครข่ายคมนาคม เพื่อลดปัญหา PM 2.5
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมพร้อมด้วยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้เร่งดำเนินการทุกๆด้าย เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นจึงได้สั่งการ และ มอบหมายนโยบายให้กับทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนโดยทันที
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้เจรจากับผู้ประกอบการด้านรถไฟฟ้า ที่ให้บริการประชาชน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยจะให้ประชาชน ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าฟรีทุกสาย ในระยะ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ถึง 31 มกราคม 2568 สำหรับรายได้ของทางเอกชนที่สูญเสียไปนั้น ทางรัฐบาลจะชดเชยตามค่าเฉลี่ย 7 วัน รวมประมาณ 140 ล้านบาท โดยมาจากงบกลาง
นอกจากนั้นแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถสาธารณะ และลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จึงให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ( ขสมก.) ดำเนินการด้าน ให้ประชาชนใช้บริการ รถเมล์ฟรี ทุกสาย ในระยะเวลา 7 วันเช่นกัน ตั้งแต่ วันที่ 25 มกราคม ถึง 31 มกราคม 2568
นายสุริยะ กล่าวเสริมว่า อีกทั้งยังมอบหมายให้หน่วยงาน กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ลงพื้นที่ตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารสารธารณะและรถบรรทุก เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก Pm2.5 ในกรุงเทพมหานคร จำนวน8 จุด ประกอบด้วย 1.บริเวณหน้าพิวเจอพาร์ครังสิต 2.ท่าเรือคลองเตย 3.หน้าสวนจตุจักร ถ.พหลโยธิน 4. ถ.บางนา-ตราด กม.1 5. ถ.สุวินทวงศ์ หน้าการปะปามีนบุรี 6. ถ.พระรามสอง ขาออก หน้าแขวงการทางบางขุนเทียน 7.ถ.รังสิต-นครนายก กม.4 หน้าโลตัส 8. ถ.บรมราชชนนี ขาเข้า -ออก โดยหลังจากนี้ จะให้เจ้าพนักงานกระจายตามจุดต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าควบคุมมลภาวะทางรถยนต์ให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม พร้อมที่จะพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะหลักให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขับเคลื่อนการพัฒนาเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะรอง (Feeder) ในการเชื่อมต่อการเดินทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างมีศักยภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อโอกาสของประเทศไทย และเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทุกด้าน
นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ให้ กรมทางหลวง(ทล.) กรมทางหลวงชนบท(ทช.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟท.) และหน่วยงานที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่าง ๆ เข้าบริหารจัดการพื้นที่ทันที เบื้องต้นให้ ผู้รับเหมาฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาดล้อรถที่เข้า – ออกพื้นที่ก่อสร้าง กวาดล้างถนนที่เปื้อนดินจากการก่อสร้าง ปิดคลุมวัสดุก่อสร้างในการเก็บกองและขนย้าย และจัดการขยะอย่างเหมาะสม ห้ามเผาเด็ดขาด

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
@รถเมล์ไม่รวม ไทยสมายล์บัส - รถไฟฟ้าคลุมทุกสาย
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า การดำเนินการมาตรการดังกล่าวเป็นการสั่งการมาจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งรถเมล์ที่จะให้ประชาชนขี้นฟรี จะเป็นรถเมล์ที่ให้บริการโดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ส่วนรถเมล์ที่ บจ.ไทยสมายล์บัส เป็นผู้เดินรถ จะไม่ได้รวมอยู่ด้วย เพราะขอความร่วมมือไม่ทัน
ขณะที่รถไฟฟ้า จะให้บริการฟรีทุกสายทาง ทั้งรถไฟฟ้าที่บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) เป็นผู้รับสัมปทาน ได้แก่ สายสีเขียวช่วงเคหะสมุทรปราการ - คูคตและช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า, รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย - มีนบุรี, รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว - สำโรง รถไฟฟ้าที่บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ - ท่าพระและหัวลำโพง - หลักสอง , สายสีม่วงช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ รวมถึงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ช่วงพญาไท - สนามบินสุวรรณภูมิ และรถไฟชานเมืองสายสาแดงช่วงตลิ่งชัน - บางซื่อ - รังสิต
ทั้งนี้ คาดว่าตลอด 7 วัน รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณในการอุดหนุนระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดที่ 140-150 ล้านบาท โดยแหล่งงบประมาณจะใช้งบกลางเป็นหลัก ส่วนกระบวนการของบประมาณน่าจะไม่มีปัญหา เพราะงบกลางเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่สามารถสั่งเบิกจ่ายได้ โดยจะมีการทำรายงานเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบต่อไป
ขณะที่แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า เพิ่งได้รับการติดต่อเมื่อเช้านี้ โดยทางกรมการขนส่งทางราง (ขร.) มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้มีการประสานมาที่ กทม. โดยมีการแจ้งให้ทราบถึงการประสานกับเอกชนผู้รับสัมปทานเรียบร้อย คือ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) โดยต้นทุนการเดินรถของระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเหนือช่วงหมอชิต - คูคต และช่วงแบริ่ง - เคหะสมุทรปราการอยู่ที่ 600 ล้านบาท/เดือน ตอนนี้กำลังทำตัวเลขต้นทุนระบบเดินรถทั้งโครงข่ายอยู่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา