‘พิชัย ชุณหวชิร’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผย ‘บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ’ เคาะ ‘แจกเงิน 10,000 บาท’ ให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3-4 ล้านคน 4 หมื่นล้านบาท เริ่มจ่าย มกราคม 2568 เฟสที่เหลือ รอเมษายน-มิถุนายน ปีหน้า เล็ง พักดอกเบี้ย-ลดเงินต้น 3 ปี หนี้บ้าน-หนี้รถยนต์ ลูกหนี้ชั้นดี ยกดอกให้ จ่อ ฟื้นไร่ละพันบาท แจกกลุ่มเกษตรกร
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เพื่อเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป และเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
@ แจกเงินหมื่นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
“กลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนที่ลงทะเบียนร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน digital wallet ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จ มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 ผ่านคุณสมบัติโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน digital wallet และไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัติสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ไม่เกิน 4 ล้านคน”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับแหล่งเงินงบประมาณมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท และจัดสรรให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ จำนวนงบประมาณอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อเท็จจริง
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับวิธีการดำเนินการ คือ จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 10,000 บาทต่อคน (จ่ายเงินครั้งแรกไม่เกินเดือนมกราคา 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนของกลุ่มเป้าหมาย หายจ่ายไม่สำเร็จ ดำเนินการจ่ายซ้ำ 3 ครั้ง
@ เฟสต่อไปรอไตรมาสสองปีหน้า
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับกลุ่มคนที่เหลืออาจจะทยอยจ่ายเป็นเฟส แต่ที่สำคัญคือความพร้อมของระบบ หรือในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ปี 2568
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า ส่วนขั้นตอนการดำเนินการ กระทรวงการคลังจำนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการและกรอบวงเงินงบปนะมาณ และครม.มอบหมายให้ DGA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสิทธิเพื่อคัดกรองกลุ่มเป้าหมายของโครงการ และนำส่งข้อมูลกลุ่มเป้าหมายให้กรมบัญชีกลางเพื่อเตรียมจ่ายเงินต่อไป
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการ digital wallet ในส่วนอื่นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เห็นควรมอบหมายเพิ่มเติม โดยเสนอครม.มอบหมายให้กระทรวงดีอี ในฐานะ data controller ของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน digital wallet ดำเนินการลงนามใน MOU ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ มอบหมาย DGA ตรวจสอบสิทธิ์เพื่อคัดกรองกลุ่มเป้าหมายของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน digital wallet
@ พักดอกเบี้ย-ลดเงินต้น 3 ปี - ฟื้นไร่ละพัน
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้เอสเอ็มอี โดยมีแนวทาง ดังนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารพาณิชย์ร่วมกับธนาคารภาครัฐ โดยกระทรวงการคลังจะปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระผู้ที่เป็นหนี้ครัวเรือนไม่เกิน 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงฟื้นตัวและจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มบ้าน กลุ่มรถยนต์ และกลุ่มค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริโภค คาดว่าเกิน 1.2-1.3 ล้านล้านบาทขึ้นไป
“โดยจะให้โอกาสยังไม่ต้องชำระดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี และจะพิจารณาเรื่องเงินต้นด้วย ถ้าเป็นไปได้ในช่วย 3 ปีแรกจะให้ส่งน้อยหน่อย”นายพิชัยกล่าวและว่า
“คำว่าดอกเบี้ยลดให้ 3 ปี สำหรับคนที่ปฏิบัติได้ดี โดยหลักการแล้วระยะยาว ผ่อน 5 ปี 10 ปี ก็จะได้รายการลดส่วนนั้นไปเลย ถ้าใครไม่ปฏิบัติให้ดี ท่านก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยต่อไป”นายพิชัยกล่าว
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับภาคการเกษตร ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยค่าครองชีพเกษตรกร คือ โครงการไร่ละพันบาท