‘แสวง บุญมี’ เลขาธิการ กกต. เผย ความคืบหน้า ‘คดีทักษิณครอบงำเพื่อไทย’ ให้โอกาสทั้งสองฝ่ายชี้แจง-ตรวจสอบให้ครบจนสิ้นกระแสความ ชี้ ‘ทนายตั้ม’ ยังไม่ขาดคุณสมบัติ-ชื่อยังติดอยู่ในบัญชีสำรอง สว. จนกว่า ศาลจะตัดสิน - กกต.ชุดใหญ่ ใกล้ ตัดสิน ‘คดีหมอเกศ’ ขีดเส้นภายใน พ.ย.67 ยอมรับ ‘คดีสว.ฮั้ว’ ทำงานยาก สลับซับซ้อน-ต้องใช้เวลา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ที่โรงแรงรามาการ์เด้นส์ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าคำร้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย ภายหลังรวม 4 คำร้องไว้ในสำนวนเดียวกัน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง ว่า ยังอยู่ในกระบวนการ
“พอพูดถึงความยุติธรรม มีขั้นตอน ต้องใช้เวลา คือ การให้โอกาสคนมาชี้แจง ชั้นนี้เป็นชั้นของการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคงต้องสอบให้ครบจนสิ้นกระแสความ ให้โอกาสทั้งสองฝ่าย ผมไม่อาจจะบอกได้ว่าต้องใช้เวลา 30 วัน 60 วัน ในตอนนี้ เพราะตั้งแต่เราตั้งคณะกรรมการสอบมา ยังไม่ได้รับรายงานว่า ขอขยายเวลาแต่อย่างใดหรือไม่”นายแสวงกล่าว
นายแสวงยังกล่าวตอบคำถามกรณีกกต.ประจำจังหวัดสมุทรสาคร เข้าไปสอบข้อเท็จจริงนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่ม 17 และเป็นผู้สมัคร สว.ติดบัญชีสำรอง สว. ในเรือนจำ กรณีคำร้องขาดคุณสมบัติ เรื่องจากทำงานภาคประชาสังคมไม่ถึง 10 ปี ว่า อยู่ในกระบวนการ เมื่อมีคนร้องเรื่องลักษณะต้องห้ามการสมัคร สว. กกต.ไปสอบตามขั้นตอนของคำร้อง ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง บางเรื่องต้องใช้เวลา เป็นเรื่องของเงื่อนเวลา ซึ่งต้องมีพยานพอสมควร
นายแสวงยังกล่าวถึงกรณีคำร้องของนายสนธิญา สวัสดี ที่ยื่นคำร้องต่อกกต. เรื่องคุณสมบัติของนายษิทรา เนื่องจากถูกดำเนินคดีฉ้อโกงและอยู่ระหว่างฝากขังในเรือนจำ ว่า เบื้องต้นเท่าที่ กกต.ตรวจสอบในข้อกฎหมาย นายษิทรายังมีคุณสมบัติและยังมีชื่ออยู่ในบัญชีสำรอง สว. โดยสรุปยังเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามผู้สมัคร สว. จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ไม่ว่าศาลชั้นต้น ศาลอุธรณ์ หรือ ศาลฎีกา
นายแสวงยังกล่าวถึงการพิจารณาคำร้องเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ ‘หมอเกศ’ สว.ภายหลัง คณะกรรมการไต่สวน พิจารณาสำนวนเสร็จสิ้นแล้วและคณะกรรมการ กกต.ได้เลื่อนการประชุก่อนหน้านี้ ว่า คณะกรรมการ กกต.ใกล้จะวินิจฉัยแล้ว
“ในการพิจารณา คำร้องมีหลายข้อกล่าวหา เราแยกข้อกล่าวหาเพื่อให้ทำงานเร็วขึ้น ให้แยกไปคณะกรรมการสืบสวนหลายคณะ ซึ่งทำได้ แต่เมื่อมาพิจารณาต้องมาพร้อมกันทุกสำนวน บางสำนวนซับซ้อน มาไม่ทัน ต้องรอ ซึ่งกกต.มีมติให้เร่งขึ้นมาพิจารณาภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้”นายแสวงกล่าว
นายแสวงกล่าวว่า ขณะที่คำร้องอื่น ๆ ถูกร้องเรื่องคุณสมบัติ และเรื่องฮั้ว ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่ ต้องใช้เวลา บางเรื่องสลับซับซ้อน ยากขึ้น โดยเฉพาะกฎหมายที่เขียนไม่ชัด เรื่องการสมยอม การฮั้ว เมื่อกฎหมายเขียนไม่ชัด คนก็ทำงานยาก และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“คำร้องที่มาร้องตามกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง มีจำนวนมาก เราอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่ถ้าจะมาร้องอยากให้มีข้อมูลมากกว่านี้ มีข้อเท็จจริงหรือไม่ ผิดกฎหมายมาตราใด ไม่ใช่มาตั้งคำถาม ส่วนมากทุกเรื่องมาตั้งคำถาม ผิดหรือไม่ เขาอาจจะหลบเพราะกลัวถูกฟ้อง สำนักงานกกต.ก็ไม่เคยทิ้ง แต่ก็จะเข้มงวดมากขึ้น”นายแสวงกล่าว