‘คมนาคม’ ถกแก้ปัญหารถเมล์สาย 8 ของผู้ประกอบการที่หมดสัมปทานวิ่งทับเส้นทาง เบื้องต้นยังไม่พบ แต่ฝาก ขสมก.-ไทยสมายล์บัส ช่วยดู ถ้าพบรถเถื่อนวิ่ง แจ้ง ‘กรมขนส่งฯ’ ก่อนระบุอาจทบทวนโครงสร้างค่าโดยสารรถเมล์ใหม่ แต่เบื้องต้น วอนเอกชนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการชำระค่าโดยสาร ขณะที่ผู้บริหารยันต้นปี 68 พร้อมรับรองบัตรดังกล่าว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายสุรพงษ์ ปิยะโชาติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมแก้ไขปัญหารถเมล์ สาย 8 (2-38) วิ่งระหว่างแฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ เบื้องต้นยังไม่ได้พบปัญหาอะไรเพิ่มเติม แต่ได้ให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบจ.ไทย สมายล์ บัส ร่วมกันจับตา หากพบมีรถที่หมดสัมปทานลักลอบวิ่งทับเส้นทางให้แจ้งทันที
เบื้องต้น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถเมล์สาย 8 (2-38) ขสมก.แจ้งยกเลิกใบอนุญาตรถเมล์สาย 8 เดิมกับบริษัทที่มารับใบอนุญาตวิ่งเมื่อต้นปี 2567 และคืนใบอนุญาตให้ ขบ. ซึ่งยังมีรถทื่แอบวิ่งอยู่ ทำให้ไทยสมายล์บัสได้รับผลกระทบ และอาจเป็นอันตรายกับผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ จึงมีนโยบายให้ทั้ง ขสมก.และไทยสมายล์บัสหากพบว่า มีรถวิ่งทับให้แจ้ง ขบ.ทันที อย่างไรก็ตาม วันนี้ ไม่พบรถเมล์เถื่อนวิ่งทับเส้นทางแล้ว
@จี้ ไทยสมายล์บัส รับบัตรสวัสดิการฯ
ส่วนการเปลี่ยนผ่านรถเมล์ที่จะให้ไม่มีรถเมล์ร้อน แต่จะมีปัญหาเรื่องค่าโดยสารที่แพงขึ้นนั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้น กำชับให้ไทยสมายล์บัสออกแบบระบบที่รองรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วย เพื่อลดภาระประชาชนในช่วงแรกไปก่อน และที่ผ่านมาไทยสมายล์บัสก็ไม่มีระบบชำระที่รองรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาก่อน ส่วนรถร้อนที่ไทยสมายล์บัสมีก็ให้เก็บ 10 บาทตลอดสายจากที่ต้องเก็บ 12 บาท ขณะที่ในระยะยาวจะมีการทบทวนโครงสร้างค่าโดยสารที่เหมาะสมใหม่อีกครั้ง
ส่วนกรณีปัญหาที่รถน้อยคอยนาน อาจจะต้องมีการเอาข้อมูลสถิติของผู้โดยสารและจำนวนรถมาหาค่าเฉลี่ยว่า จำนวนเที่ยววิ่งกับจำนวนรถมันเหมาะสมกันไหม หลังจาก ขบ.เอาเส้นทางรถเมล์ทุกเส้นทางมาศึกษา แล้วกำหนดมาตรการว่าแต่ละเส้นทางต้องมีรถวิ่งไม่ต่ำกว่ากี่คัน โดยขสมก.และไทยสมายล์บัสจะต้องเป็นพาร์กเนอร์กัน
ด้าน นายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) กล่าวว่า TSB พร้อมขานรับนโยบายดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่ในระบบประมาณ 6-7 แสนคน คาดว่าไม่เกินต้นปีหน้าก่อนที่จะมีการเปิดทะเบียนผู้มีรายได้น้อยในรอบถัดไป เพื่อเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม