ปปง.ยึดรถยนต์ เงินฝาก 3 รายการ 1.2 ล. คดีอ้างตัวเป็น จนท.ลวงออกโฉนดที่ดิน ค่าดำเนินการ คนละ 14,000 - 454,000 บาท ให้เจ้านาย 10,000 บาท เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย ผู้เสียหาย 38 คน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้เผยแพร่คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรที่ ย. 196/2567 ลงวันที่ 18 กันยายน 2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว คดีนายวีรชัย กวางวิเศษ กับพวก คดีฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา พฤติการณ์อ้างว่าสามารถออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินให้ผู้กล่าวหาที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยอ้างว่ามีเจ้านายสามารถออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินให้ได้ และได้แอบอ้างตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดิน แจ้งว่าใช้ระยะเวลาประมาณ 6-8 เดือน มีค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินการแปลงละ 30,000 บาท เป็นค่ารังวัดให้เจ้าหน้าที่ จำนวน 5,000 บาท และค่าดำเนินการให้เจ้านายจำนวน 10,000 บาท
ผู้กล่าวหาแต่ละคนได้จ่ายเงินค่าดำเนินการให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2โดยตรง และบางรายจ่ายผ่านนายประสิทธิ์ เทพสิงห์ (ผู้กล่าวหาที่ 3) โดยมีค่าดำเนินการที่ต้องชำระคนละ 14,000 - 454,000 บาท ต่อมาไม่สามารถดำเนินการให้ได้ทำให้ผู้เสียหาย 38 รายร้องทุกต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย
สำหรับทรัพยสินยึดและอายัด จำนวน 3 รายการ ได้แก่
1.เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์ สาขา บิ๊กชีเชียงราย ชื่อบัญชี นางสาวผลิกา สำเร็จ ยอดเงินคงเหลือจำนวน 1,209.07 บาท
2.รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า (TOYOTA) รุ่นไฮลักซ์ รีโว่ (HILUX REVO) หมายเลขทะเบียน ผท 8684 เชียงราย ผู้ถือกรรมสิทธิ์บริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ครอบครอง นางสาวผลิกา สำเร็จ ราคาประเมิน 600,000 บาท
3.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อโตโยต้า (TOYOTA) รุ่นยาริส เอทีฟ (YARIS ATIV) หมายเลขทะเบียน ขง 5620 เชียงราย ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์และผครอบครอง นางสาวผลิกา สำเร็จ ราคาประเมิน 630,000 บาท
รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,231,209.07 บาท พร้อมดอกผล นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 ถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2567
คำสั่งมีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ตามหนังสือที่ ตช 0020(ชร).35/3727 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เรื่อง รายงานเกี่ยวกับการสืบทรัพย์เพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือ
ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ถึงเดือนพฤษภาคม 2566 นายวีรชัย กวางวิเศษ (ผู้ต้องหาที่ 1) และนางสาวผลิกา สำเร็จ (ผู้ต้องหาที่ 2) ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ต้องหาที่ 1 ได้ชักชวนให้ผู้กล่าวหากับพวก จำนวน 38 คน ทั้งจากการแนะนำต่อ ๆ กัน และได้พบกับผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 โดยตรง ว่าสามารถออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินให้ผู้กล่าวหาที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยอ้างว่ามีเจ้านายสามารถออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินให้ได้ และได้แอบอ้างตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดิน โดยแจ้งว่าใช้ระยะเวลาประมาณ 6-8 เดือน มีค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินการแปลงละ 30,000 บาท เป็นค่ารังวัดให้เจ้าหน้าที่ จำนวน 5,000 บาท และคาดำเนินการให้เจ้านายจำนวน 10,000 บาท โดยผู้กล่าวหาแต่ละคนได้จ่ายเงินค่าดำเนินการให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2โดยตรง และบางรายจ่ายผ่านนายประสิทธิ์ เทพสิงห์ (ผู้กล่าวหาที่ 3) โดยมีค่าดำเนินการที่ต้องชำระคนละ 14,000 - 454,000 บาท โดยผู้ต้องหาไม่ให้ผู้กล่าวหาได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่รังวัดและจะให้ผู้กล่าวหาจ่ายค่าดำเนินการเป็นเงินสดใส่ซองห้ามเขียนข้อความใดๆ และห้ามถ่ายภาพ
เมื่อผู้กล่าวหาทั้งหมดตกลงออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดิน ผู้กล่าวหาบางรายได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านให้ผู้ต้องหาทั้งสองโดยไม่มีการรับรองสำเนา จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองจะมอบเอกสารการรังวัดสอบเขตพื้นที่ให้ผู้กล่าวหาเก็บไว้และแจ้งให้ผู้กล่าวหาทุกคนรอหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดิน เมื่อถึงกำหนดเวลาผู้ต้องหาทั้งสองแจ้งให้ทุกคนรอและผัดวัน โดยมีข้ออ้างตลอดเวลาทั้งยังขอเงินเพิ่มเติมจากผู้กล่าวหาอีกคนละ 2,500 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสู้คดีให้กับเจ้านายที่ถูกร้องเรียนทำให้ผู้กล่าวหาทั้งหมดเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงไปปรึกษาเจ้าพนักงานตำรวจและร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงรายเพื่อดำเนินคดีกับนายวีรชัย กวางวิเศษ กับพวก เป็นคดีอาญาที่ 891/2566
ต่อมาพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายวีรชัย กวางวิเศษ และนางสาวผลิกา สำเร็จ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันเอาเสียหรือทำให้สูญหายซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแกผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 188 มาตรา 341 และมาตรา 343 พระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26)พ.ศ.2560 มาตรา 4 และพนักงานอัยการจังหวัดเชียงรายยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองต่อศาลจังหวัดเชียงรายแล้ว ในความผิดข้างต้นเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ776/2566 อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวีรชัย กวางวิเศษ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรภรรม ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินลับ ที่ ม. 179/2567 ลงวันที่ 23 เมษายน 2567 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายนายวีรชัย กวางวิเศษ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่านายวีรชัย กวางวิเศษ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติปองกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน
จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 3 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในปัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย และสังหาริมทรัพย์ประเภทรถยนต์ อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฎหลักฐานในทางทะเบียนในการควบคุบคุมการเสียภาษี หรือเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าว โดยผู้ชื่อเป็นผู้ครอบครอง อาจดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีมีสิทธิไมทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้หรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวีรชัย กวางวิเศษ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 11/25667 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 3 รายการ พร้อมดอกผล