‘มนพร เจริญศรี’ เผย บอร์ดขสมก.วันนี้ (5 มี.ค. 67) มีวาระจัดหารถใหม่ 3,390 คัน ประกาศปี 2568 รถร้อนจะไม่มีอีกต่อไป ด้าน ผอ.ขสมก.ประเมินกลางปี 67 รถใหม่ล็อตแรกมาแน่ ส.ค.-ก.ย. 67
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 มีนาคม 2567 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ชุดใหม่ ที่มีนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต สว.ยโสธร เป็นประธาน นโยบายสำคัญคือต้องการให้ขสมก.เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการจัดหารถโดยสารพลังงานสะอาด (รถ EV) เพื่อนำมาให้บริการ ใน 107 เส้นทางที่ขสมก.ได้รับใบอนุญาตในการปฎิรูปเส้นทางรถเมล์ ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาประชาชนร้องเรียนว่ารถไม่เพียงพอต่อการให้บริการ พร้อมกับ เร่งแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.เพื่อยกระดับการให้บริการและแก้ปัญหาขาดทุนและหนี้สินให้เกิดเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด
@ลุยจัดหารถเมล์ใหม่ 3,390 คัน เข้าบอร์ดวันนี้
สำหรับโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ EV มีจำนวนรวม 3,390 คัน เพื่อทดแทนรถเก่าที่มีอายุใช้งานมากกว่า 30 ปี ขสมก.รายงานว่า จะนำสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมบอร์ดขสมก.นัดแรก ในวันนี้ (5 มี.ค. 2567) ซึ่งแบ่งการจัดหาเป็น 3 เฟส ได้แก่ เฟส 1 จำนวน 350 คัน เฟส 2 จำนวน 1,520 คัน (จัดหาภายในปี 2567) และเฟส3 จำนวน 1,520 คัน (จัดหาภายในปี 2568) รวม 3,390 คัน โดยหลังจากบอร์ดขสมก.อนุมัติ ตามขั้นตอน จะต้องเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาแหล่งเงิน ซึ่งอาจจะเป็นจากรายได้ขสมก.และจากงบกลาง
โดยเร่งเฟสแรก 350 คันก่อนเพื่อหารถไปเติมเต็มเส้นทางที่มีรถไม่เพียงพอ ซึ่งหากเป็น รถEV จะต้องเสนอเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้ามาด้วยเลยต้องพร้อมบริการทันที มีรถแต่มีปัญหาเรื่องจุดชาร์จไฟก็ไม่ได้ พร้อมกับต้องเดินหน้าเฟส2 อีก1,250 คัน ทันทีด้วย และเฟสที่ 3 อีก 1,250 คัน ซึ่งเป้าหมาย ขสมก.ต้องมีรถใหม่พลังงานสะอาด เพื่อให้บริการตามภารกิจหลักของขสมก.และ เป็นฟีดเดอร์กับระบบรางและเข้าสู่สนามบิน รวมไปถึงบริการรถเช่าเหมาคัน และรถบริการประชาชนตามนโยบายรัฐบาล ที่ถือเป็นบริการเชิงสังคมด้วย”
“การจัดหาเฟส1 และเฟส 2 ก่อน นอกจากมีความจำเป็นเร่งด่วนแล้วจะทำให้รู้ถึงข้อมูลต้นทุน ค่าใช้จ่าย ที่เกิดจากการใช้จริง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการจัดหารถในเฟสที่ 3 ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเฟส 3 จำนวน 1,250 คัน จะใช้รูปแบบร่วมลงทุนเอกชน (PPP)ซึ่งขสมก. จะนำพื้นที่อู่จอดรถเมล์บางเขน มาพัฒนาเชิงพาณิชย์ด้วย เพื่อลดภาระงบประมาณ และทำให้ขสมก.มีรายได้และผลตอบแทนเพิ่มจากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ซึ่งอู่บางเขนถือเป็น ทำเลทองเพราะติดรถไฟฟ้าสายสีเขียว และใกล้กับสายสีชมพู” นางมนพรกล่าว
@ปี 2568 รถร้อนต้องหมดไป
นางมนพรกล่าวต่อว่า กำชับให้ขสมก.ทำแผนงานอย่างรอบคอบ ซึ่งรถ EV ปรับอากาศจะต้องจัดหาให้เสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ เป้าหมายสิ้นปี 68 รถร้อนจะหมดไป และจะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายขสมก.ลดลง 50-60% ขาดทุนลดลง ไม่สร้างหนี้สินเพิ่มนอกจากนี้ จะเร่งในส่วนของระบบ GPS ระบบตั๋วร่วม “รถเมล์เรือ ราง”ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ซึ่งกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอพ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯแล้ว เพื่อทำให้ประชาชนทุนกลุ่มสามารถเดินทางด้วยความสะดวก ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการปรับโฉมใหม่ขสมก.ให้เกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อขสมก.เปลี่ยนเป็นรถปรับอากาศทั้งหมด มีอัตราค่าโดยสาร15-20-25 บาท ซึ่งจากการศึกษาของทีดีอาร์ไอ พบว่าหากเป็นรถแอร์ สะอาด มีบริการที่ดี ประชาชนส่วนใหญ่ยอมจ่ายค่าโดยสารเพราะเทียบกับรถไฟฟ้าและปัจจุบันผู้โดยสารขสมก.เฉลี่ย 7-8 แสนคน/วัน แสดงให้เห็นว่า รถเมล์มีความจำเป็น ส่วนประชาชนผู้มีรายได้น้อยรัฐบาลจะมีมาตรการดูแลผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเชื่อมั่นว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ประชาชนจะมีรายได้มากขึ้น
มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
@รถใหม่ล็อตแรกมา ส.ค.-ก.ย. 67
ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก.จะเสนอบอร์ด พิจารณาโครงการจัดการรถโดยสารปรับอากาศพลังงานสะอาด (รถโดยสาร EV )จำนวน 3,390 คัน ซึ่งแบ่งการจัดหาออกเป็น 3 เฟสขั้นตอนหลังจากบอร์ดขสมก.เห็นชอบ จะต้องเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา แหล่งเงินดำเนินโครงการ โดยเฟสแรก จำนวน 350 คัน และเฟส 2 จำนวน 1,520 คัน จะเป็นกรอบลงทุนในปี2567 ส่วนเฟส 3 จำนวน 1,520 คัน ดำเนินการในปี 2568
ทั้งนี้ ขสมก.จะเร่งในเฟสแรก จำนวน 350 คันก่อน ตั้งเป้าลงนามสัญญาภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2567 นี้ รับมอบรถช่วงส.ค.-ก.ย. 2567 เพื่อนำมาทดแทน รถโดยสารปรับอากาศสีฟ้า (NGV) ยี่ห้อบอนลัค จำนวน 489 คัน ที่สามารถนำออกวิ่งได้ประมาณ 80 คันเท่านั้น เนื่องจากมีปัญหาการซ่อมบำรุง โดยอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญา กับ กลุ่ม SCN-CHO ซึ่งการที่รถNGV เสีย ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้บริการและขสมก.ได้รับความเสียหายที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามประสิทธิภาพและขาดรายได้
โดยจะเป็นการเช่าดำเนินการ ระยะเวลา 7 ปี ใช้วิธีการจัดหาแบบเฉพาะเจาะจงเพราะมีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อนำมาวิ่งแก้ปัญหารถ NGV ซึ่งหากล่าช้าจะทำให้เกิดปัญหาต่อให้บริการประชาชน ประโยชน์สาธารณะและองค์กร
ส่วนเฟส 2 จำนวน 1,520 คัน ดำเนินการในปี 2567 จัดหาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มีเป้าหมายเพื่อนำมาบรรจุ ใน 107 เส้นทาง ให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขใบอนุญาตกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ซึ่งขสมก.บรรจุรถตามจำนวนขั้นต่ำไว้แล้ว ส่วนปีต่อไป ต้องบรรจุรถใหม่ จำนวนไม่น้อยกว่า 30% และสุดท้ายในแต่ละเส้นทางต้องมีรถใหม่พลังงานสะอาดไม่น้อยกว่า 70%
ส่วนเฟส 3 จำนวน 1,520 คัน ดำเนินการในปี 2568 ซึ่งการศึกษามีแนวทางที่จะใช้รูปแบบ PPP เพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐ โดยจะนำพื้นที่อู่จอดรถเมล์บางเขน จำนวน 11 ไร่ มารวมเป็นแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์
“ทั้ง3 เฟส ดำเนินการในปี 2567-2568 แต่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่างกันขณะที่มีเป้าหมาย เพื่อให้ขสมก.มีรถใหม่บริการ รูปแบบเช่าดำเนินการ ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อคันลดลง 50-60% หากเป็นรถ EV จะลดค่าเชื้อเพลิงลง 3 เท่าจากปัจจุบันรถน้ำมัน ส่วนค่าซ่อมบำรุงแทบจะเป็นศูนย์เพราะจะไปอยู่ในรับผิดชอบของผู้ให้เช่า” ผอ.ขสมก.กล่าว
กิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.