ป.ป.ช. แถลงมีมติชี้มูลความผิดคดีร่ำรวยผิดปกติ 5 เรื่องรวด รวมมูลค่า1,060 ล้าน 'อรรถพงษ์ แซ่แต้ ' นายกเทศฯแม่ตืน ลำพูน โดน 23 ล้าน- 'ประจวบ ธรณี' อดีตนายช่างโยธา สำนักทรัพยากรน้ำ ภาค 4 ขอนแก่น มีกระแสเงินไหลเวียนผิดปกติเกินรายได้-รวมของเมีย กว่า 254 ล้าน ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอีกหลายแปลง -'ทรงศักดิ์' ผอ.สนง.พัฒนาพิงคนคร เจอ 3.2 ล้าน - 'สมหมาย จันทร์ฉาย' นายก อบต. หนองขาม ชลบุรี 119 ล้าน- 'ประหยัด พวงจำปา' อดีตรองเลขาฯ ป.ป.ช. โดนอีก 3 รายการ 658 ล้าน เฉพาะห้องชุดลอนดอน มูลค่า 220 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 5 เรื่อง รวมวงเงินกว่า 1,060 ล้านบาท ได้แก่
1. กรณีกล่าวหา นายอรรถพงษ์ แซ่แต้ นายกเทศมนตรี ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 23,843,992.45 บาท
2. กรณีกล่าวหา นายประจวบ ธรณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายช่างโยธา ระดับชำนาญงาน ส่วนพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำ สำนักทรัพยากรน้ำ ภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 254,973,876.14 บาท และยังพบว่า มีการซื้อที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นจำนวนมาก รวม 17 แปลง และบางรายการมีราคาที่สูงมาก
3. กรณีกล่าวหา นายทรงศักดิ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการและซ่อมบำรุง สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 3,297,516.50 บาท
4. กรณีกล่าวหา นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น มากผิดปกติ รวมมูลค่า 658,680,980.32 บาท
5. กรณีกล่าวหา นายสมหมาย จันทร์ฉาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่าทรัพย์สิน 119,327,444.22 บาท
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายอรรถพงษ์ แซ่แต้ นายกเทศมนตรี ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ร่ำรวยผิดปกติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายอรรถพงษ์ แซ่แต้ ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือการมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จำนวน 18 รายการ เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เงินลงทุนร้านกาแฟ สลากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บ้านเดี่ยวชั้นเดียวพร้อมที่ดิน เงินฝาก ที่ดิน โรงเรือนพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เงินผลกำไรจากการประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างและรถแทร็กเตอร์ (แบคโฮ) เป็นต้น รวมมูลค่า 23,843,992.45 บาท
ที่ประชุมจึงมีมติว่านายอรรถพงษ์ แซ่แต้ ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน และ ให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้มีอำนาจสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อสั่งให้พ้นจากตำแหน่งภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งและให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคห้า ต่อไป
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่น ของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย
เรื่องที่ 2 กรณีกล่าวหานายประจวบ ธรณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายช่างโยธา ระดับชำนาญงาน ส่วนพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำ สำนักทรัพยากรน้ำ ภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ร่ำรวยผิดปกติ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนพบว่านายประจวบ ธรณี ผู้ถูกกล่าวหา และนางเกษแก้ว ธรณี คู่สมรส มีพฤติการณ์เกี่ยวกับกระแสเงินไหลเวียนผิดปกติ โดยมีรายการฝากเงินเข้าบัญชีธนาคาร และถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เกินกว่ารายได้ในแต่ละเดือนที่ ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส จะพึงมีได้รวมรายการฝากเงินทั้งสิ้น 296 รายการ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 254,973,876.14 บาท และยังพบว่า มีการซื้อที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นจำนวนมาก รวม 17 แปลง และบางรายการมีราคาที่สูงมาก และมีการซื้อยานพาหนะในราคาที่สูง และเป็นการซื้อด้วยเงินสด หรือชำระเงินดาวน์ด้วยเงินสดเป็นจำนวนเงินที่สูง ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อ HONDA แบบ ACCORD 2.4 ราคา 1,697,000 บาท ซึ่งเป็นการซื้อด้วยเงินสด รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA แบบ CAMRY 2.4 ซึ่งมีการชำระเงินดาวน์ จำนวน 1,000,000 บาท และมีการซื้อรถยนต์ยี่ห้อ AUDI แบบ TT 2.0 COUPE ซึ่งเป็นรถที่มีราคาที่สูงมาก นอกจากนี้ จากการตรวจสอบหนี้สินของ ผู้ถูกกล่าวหาและของคู่สมรส ยังพบข้อพิรุธ หรือความผิดปกติว่าหนี้สินที่คู่สมรสได้ทำสัญญากู้เงินจากธนาคาร มีการชำระหนี้โดยการชำระเงินเป็นจำนวนที่สูง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่านายประจวบ ธรณี ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา 192 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
เรื่องที่ 3 เรื่องกล่าวหา นายทรงศักดิ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการและซ่อมบำรุง สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ร่ำรวยผิดปกติ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนพบว่านายทรงศักดิ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือการมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 3,297,516.50 บาท ตามรายการดังต่อไปนี้
1. ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ จำนวน 1 รายการ ได้แก่ ที่ดินไม่มีสิ่งปลูกสร้าง เนื้อที่ 1 งาน 61 ตารางวา ตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ราคา 900,000 บาท
2. หนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,397,516.50 บาท จำนวน 3 รายการ ดังนี้
1.) หนี้กู้ยืมเงินกับทางธนาคาร มีการชำระหนี้สินที่ลดลงผิดปกติ จำนวน 700,000 บาท
2. ) หนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อรถ MERCEDES BENZ รุ่น A 180 ราคา 1,747,663.55 บาท มีการชำระหนี้สินที่ลดลงผิดปกติ จำนวน 1,397,516.50 บาท
3.) หนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อรถ HONDA รุ่น FREED ราคา 969,000 บาท มีการชำระหนี้สิน ที่ลดลงผิดปกติ จำนวน 300,000 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน และแจ้งคำวินิจฉัย พร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกผู้ถูกกล่าวหาภายในหกสิบวัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ต่อไป
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย
เรื่องที่ 4 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น มากผิดปกติ รวมมูลค่า 658,680,980.32 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ รวมมูลค่า 658,680,980.32 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส ตามรายการดังต่อไปนี้
1. ห้องชุดที่ตั้งอยู่ ณ ถนน Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักรมูลค่า 4,900,500 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือ 220,330,890.45 บาท
2. รายการเงินฝากในบัญชีธนาคาร จำนวนรวม 194,587,589.87 บาท
3. รายการเงินลงทุน จำนวนรวม 243,762,500.00 บาท
การไต่สวนในเรื่องนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง แล้วมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายประหยัด พวงจำปา ร่ำรวยผิดปกติ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการ ไต่สวน ทั้งนี้ ในส่วนของการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด พวงจำปา กรณีเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดว่า นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ซึ่งอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง
เรื่องที่ 5 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสมหมาย จันทร์ฉาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่าทรัพย์สิน 119,327,444.22 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสมหมาย จันทร์ฉาย นายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ จำนวน 49 รายการ แบ่งเป็นรถยนต์ จำนวน 28 รายการ รถจักรยานยนต์ จำนวน 18 รายการ และอากาศยานเบาพิเศษ จำนวน 3 รายการ และทรัพย์สินซึ่งอยู่ในชื่อของภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จำนวน 9 รายการ มีมูลค่าสูงกว่าสินทรัพย์และกำไรสุทธิที่บริษัท เมืองหนองเลง จำกัด ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (ภ.ง.ด. 50) อีกทั้ง บริษัท เมืองหนองเลง จำกัด ไม่ได้กำหนดให้มีการจ่ายเงินเดือนหรือค่าตอบแทนอื่นใดแก่ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส กรรมการบริษัท ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงมีพฤติการณ์ถือครองทรัพย์สินทั้ง 9 รายการ เช่น รถยนต์ จำนวน 7 รายการ รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 รายการ แทนผู้ถูกกล่าวหา รวมมูลค่าทรัพย์สิน 119,327,444.22 บาท
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
อย่างไรก็ดี การชี้มูลของป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังมีกระบวนการต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก