ปลัดอาวุโส อำเภอสุขสำราญ ระนอง -กอ.รมน.- ป่าไม้ ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมหารือหยุดเคลื่อนย้ายไม้ขนาดใหญ่ลงจากเขาปากเตรียม หลังมีการเข้าจับกุมคนอ้างสิทธิเจ้าของพื้นที่อยู่ติดอุทยานแห่งชาติแหลมสน ให้คนครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์ไม่มีทะเบียนเปิดเส้นทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร ต้นไม้ใหญ่ 2 ข้างทางถูกตัดเพียบนับร้อยต้น ผู้ว่าระนองฯ -ดีเอสไอ สั่งเร่งตรวจสอบแล้วพื้นที่อยู่ในเขตป่าไม้หรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2565 ที่หน่วยย่อยหาดประพาส อุทยานแห่งชาติแหลมสนบางเบน นายสันติ แก้วหาวงษ์ ปลัดอาวุโส อำเภอสุขสำราญ จ.ระนอง พร้อมด้วย ร้อยเอกทองใบ ธูปเถื่อน เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ระนอง หัวหน้าป้องกันรักษาป่า เจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดน และนายมนตรี สาลี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ต.กำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ร่วมกันประชุม เพื่อหาทางหยุดการเคลื่อนย้ายไม้ขนาดใหญ่ลงจากเขาปากเตรียม ซึ่งเป็นภูเขาสูงชัน ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กอ.รมน.ภาค 4 สย.1 ร่วมกับ นายสรานนท์ ศรีราช พนักงานพิทักษ์ป่า ส.3 หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่รน.2 (ราชกรูด) สังกัดหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เมืองระนอง ศูนย์ป่าไม้ระนอง กรมป่าไม้ ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอสุสำราญ ทหารชุด ชป.กะเปอร์ ฉก.ร.25 จนท.ตชด. และ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ลงพื้นที่บูรณาการร่วมเข้าตรวจสอบการบุกรุกตัดไม้ ตามที่ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่ามีการทำไม้บริเวณบ้านเหนือ ซอยอ่าวจาก หมู่ที่ 2 บ้านเหนือ ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง จากการเข้าตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุ พบบุคคลเพศชาย ทราบชื่อภายหลังว่า นายสมมารถ สังกลิ่น อายุ 52 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 227 หมู่ที่ 3 ตำบลนาทอน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล กำลังลับใบเลื่อยโซ่ยนต์ โดยบริเวณใกล้เคียงพบการโค่นล้มไม้และบั่นทอนไม้กระจัดกระจายเต็มพื้นที่จุดเกิดเหตุ
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและเข้าตรวจสอบ สอบถามการเข้ามาทำประโยชน์ในพื้นที่ นายสมมารถ แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่าได้รับการว่าจ้างจาก นายนิรันทร์ พลเหมือน อายุ 46 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 224 หมู่ที่ 5 ตำบลป่าพะยอม อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ให้เข้ามาดำเนินการดังกล่าว
ต่อมานายนิรันทร์ฯ มาแสดงตัวแก่เจ้าหน้าที่ว่าตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดิน เพื่อทำประโยชน์กับพื้นที่แปลงดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ นายนิรันทร์ นำตรวจสอบ แต่นายนิรันทร์ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า ไม่สามารถชี้ชัดแนวเขตของที่ดินได้ แต่สามารถแสดงเอกสารหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ขณะที่กำลังตรวจสอบได้ และได้ยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ จำนวน 8 ฉบับ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารทั้ง 8 ฉบับ มีความเกี่ยวเนื่องจากบันทึกการตรวจสอบฉบับลงวันที่ 21 เมษายน 21565 ที่ต้องรอการตรวจสอบรังวัดพิสูจน์ขอบเขตที่ดินจากสำนักงานที่ดินจังหวัดระนอง ซึ่งจะมีการนัดหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจพิสูจน์ที่ดินต่อไป
อย่างไรก็ดี คณะเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้สอบถามถึงเอกสารการอนุญาตเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ กับ นายสมมารถ โดยนายสมมารถ แจ้งว่าตนเองเป็นผู้ครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์ดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึด และแจ้งว่าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ไม่มีทะเบียนแต่อย่างใด ทางคณะเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ นายสมมารถ ทราบว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา19 วรรคหนึ่ง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ และแปลงพื้นที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหา และสิทธิข้างต้นให้ผู้ถูกจับทราบ โดยนายสมมารถ ได้รับทราบข้อกล่าวหา และสิทธิของผู้ถูกจับดังกล่าวแล้ว และได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับได้นำตัว นายสมมารถฯ ผู้ถูกจับ และของกลางไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสุขสำราญ และกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาค 4 กอ.รมน.ภาค 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังเทพสตรี ตชด.415 ระนอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตร.ปทส.และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการบุกรุกตัดไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากในพื้นที่ป่าจำนวนหลายร้อยไร่ในพื้นที่ บ้านเหนือ ซอยอ่าวจาก ม.2 ต.กำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง โดยมีประชาชนในพื้นที่แจ้งข้อมูลเรื่องการบุกเข้ามา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน หลังจากการเดินตรวจสอบพื้นที่ซึ่งมีการนำเครื่องจักรกลหนักเข้าเปิดเส้นทางเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร พบว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ทั้ง 2 ข้างทางรวมไปถึงต้นไม้บนภูเขามีการตัดไปแล้วจำนวนมากนับร้อยต้น
พ.อ.ดุสิต กล่าวว่า หลังรับทราบเรื่องได้รายงานผู้บังคับบัญชา จากนั้นประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบพร้อมสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวที่มีการเข้าปรับพื้นที่และทำการตัดไม้ขนาดใหญ่ได้มีผู้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ มีหนังสือ นส.3 มาแสดงการเข้าทำประโยชน์ รวม 11 แปลงในที่รวม 1,170 ไร่ โดยอ้างการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ตามมาตร 7 พรบ.ป่าไม้
จากการตรวจสอบทราบว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งในเรื่องการออก นส.3 ก ซึ่งต้องทำการสอบสวนที่มาที่ไปว่าออกมาได้อย่างไรเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าที่อุมดมสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำ ออก นส.3ถึง 1170 ไร่ในพื้นที่ออกมาได้อย่างไร จะไล่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นตอที่ออกมาให้ ซึ่งคาดว่าถ้าตรวจสอบน่าจะมีการแจ้งข้อหาทั้งเรื่องบุกรุก ข้อหาอั้งยี่หรือซ่องโจรและอีกหลายข้อหาเนื่องจากจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปร่วมกันในการเรื่องดังกล่าว
"งานนี้ต้องมีคนรับผิดชอบในการทำลายป่าแม้ว่าจะอ้างข้อกฏมายในการตัดไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก เพราะเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด" พ.อ.ดุสิต ระบุ
ขณะที่นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดเผยว่า เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชน กับ เจ้าหน้าที่รัฐ จังหวัดระนองก็ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดย เจ้าหน้าที่รัฐต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า พื้นที่ที่มีการตัดไม้อยู่ในเขตป่าหรือไม่ หากอยู่ในเขตป่าผู้ที่ตัดไม้ก็ต้องถูกดำเนินคดี
ด้านนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษพื้นที่ 8 ลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานให้ ผู้บริหาร กรมสอบสวนคดีพิเศษทราบ ซึ่งมีการส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบลงพื้นที่และทราบความเป็นไปเป็นมาของขบวนการตัดไม้ในครั้งนี้แล้ว และได้เสนอผู้บังคับบัญชากรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อขออนุมัติเลขสืบสวนเพื่อเข้าสู่ขบวนการสืบสวนสอบสวนให้ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อนจะสรุปว่าเข้าข่ายพระราชบัญญัติคดีพิเศษ ปี 2547 และแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ต่อไป