เผยความคืบหน้าคดี ป.ป.ช. ฟ้อง 'ดุสิต เต็งนิยม' อดีตรองกรรมการผจก.สายสินเชื่อภาคใต้นครหลวงตะวันออก กรุงไทย -พวก 1 ราย อนุมัติสินเชื่อให้บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด โดยมิชอบ 8,360 ล้าน ล่าสุด ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุก คนละ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายดุสิต เต็งนิยม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสายสินเชื่อภาคใต้และนครหลวงตะวันออก และนางเยาวลักษณ์ ลิขิตวัฒนานุรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด โดยมิชอบ วงเงิน 8,360 ล้านบาท ในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91
ศาลฎีกา มีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำคุกกระทงละ 2 ปี รวม 2 กระทง รวมจำคุกคนละ 4 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 699 - 71/2558 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558 มีมติเห็นชอบร่างคำฟ้อง และหนังสือมอบอำนาจให้พนักงานคดีดำเนินคดีกับนายดุสิต เต็งนิยม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสายสินเชื่อภาคใต้และนครหลวงตะวันออก และนางเยาวลักษณ์ ลิขิตวัฒนานุรักษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด โดยมิชอบ วงเงิน 8,360 ล้านบาท ในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2502 มาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 ศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีหมายเลขดำที่ อต. 2/2559 คดีหมายเลขแดงที่ อต. 6/2561 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายดุสิต เต็งนิยม ที่ 1 กับพวก 2 คน จำเลยได้พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก คนละ 3 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
ต่อมาวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อท.412/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 4468/2563 ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสอง ไม่มีความผิดฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องและยกอุทธรณ์ของโจทก์
จากนั้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 โจทก์ได้ยื่นฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 121/2563 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 ปี รวม 2 กระทง รวมจำคุกคนละ 4 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน ดังกล่าว