"... ข้าพเจ้ายึดถือความสุจริตและเคารพต่อกฎหมายของบ้านเมืองมาโดยตลอด มิเคยมีพฤติกรรมใดๆในการที่จะสนับสนุน ส่งเสริม บุคคลใดหรือเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดให้ละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่เคยใช้อิทธิพลทางการเมืองใดๆ มาเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนโดยมิชอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 นายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจ เจ้าของโรงงานเนสกาแฟ และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เผยแพร่เอกสารคำชี้แจงข้อกล่าวหา กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด{koผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐให้กระทำความผิดในการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ใน 2 กรณี คือ
1. กรณีการนำเอกสาร น.ส. 3ก. เลขที่ 263 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ รังวัดออกโฉนดและทำให้มีจำนวนเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้นโดยมิชอบ
2. กรณีการออกเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดิน น.ส. 3ก. และโฉนดที่ดิน ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา มาทำการรังวัดแบ่งแยกและรวมโฉนด ทำให้มีเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น189 ไร่ จากที่ดินของสนามกอล์ฟเมาน์เท่น ครีก ที่มีเนื้อที่ดินทั้งหมด 2,304 ไร่ ของบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ที่มีนายประยุทธ มหากิจศิริเป็นกรรมการบริหาร
- ป.ป.ช.ชี้มูล จนท.ที่ดินกระบี่-พวก18 ราย ออกเอกสารสิทธิ์เอื้อธุรกิจ 'ประยุทธ มหากิจศิริ'
- ป.ป.ช. ชี้มูล 'ประยุทธ มหากิจศิริ' พร้อม จนท.รังวัด ร่วมกันออกที่สนามกอล์ฟทับป่าสงวน
ระบุว่า ทั้งสองกรณีดังกล่าวข้างต้น ตามที่ได้มีการกล่าวหาโดย ป.ป.ช. ว่า นายประยุทธมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และในบางกรณี ยังมีการกล่าวหาพาดพิงมาถึงครอบครัวและกิจการของนายประยุทธอันอาจทำให้เกิดความเสียหายและความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนว่าตัวของนายประยุทธและครอบครัวว่ามีส่วนร่วมกระทำความผิดและดำเนินธุรกิจโดยมิได้เคารพต่อกฎหมาย อันอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและครอบครัว และสร้างผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
นายประยุทธกล่าวต่อว่าเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน จึงขอเรียนชี้แจงต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน ดังนี้
นายประยุทธและครอบครัว “ตระกูลมหากิจศิริ” เป็นครอบครัวชาวจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย โดยประกอบธุรกิจทำมาค้าขายสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนประสบผลสำเร็จ มีฐานะชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตราบปัจจุบันก็ด้วยอาศัยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม และได้อาศัยผืนแผ่นดินไทยเป็นที่ทำมาหากิน ด้วยความสำนึกในบุญคุณของประเทศไทย แผ่นดินไทยตลอดมา ในการประกอบธุรกิจใดๆ
ข้าพเจ้ายึดถือความสุจริตและเคารพต่อกฎหมายของบ้านเมืองมาโดยตลอด มิเคยมีพฤติกรรมใดๆในการที่จะสนับสนุน ส่งเสริม บุคคลใดหรือเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดให้ละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่เคยใช้อิทธิพลทางการเมืองใดๆ มาเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนโดยมิชอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น
กรณีที่ข้าพเจ้าถูกกล่าวหาทั้งสองกรณีดังกล่าวนั้น ข้าพเจ้าและครอบครัวขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ไม่เคยใช้ หรือสนับสนุนผู้ใด เจ้าหน้าที่รัฐคนใด ให้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา การดำเนินการรังวัดที่ดินทุกแปลงของข้าพเจ้าที่ซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ดำเนินการไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐตามอำนาจหน้าที่ เป็นดุลยพินิจและการดำเนินการโดยอิสระของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของตน โดยยึดถือและปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ
ข้าพเจ้าในฐานะเอกชนไม่เคยมีพฤติการณ์หรือการกระทำใดๆในการไปสนับสนุน หรือใช้ให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับข้าพเจ้าแต่อย่างใด และข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่เคยมีเจตนาที่จะยึดถือเอาที่ดินอันเป็นสาธารณประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐ ในลักษณะเป็นป่าสงวนก็ดี หรือเขตป่าหวงห้ามใดๆ หรือ เป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน หรือที่ที่มีการครอบครองโดยมิชอบมาเป็นของตนแต่อย่างใดทั้งสิ้น
การรังวัดสอบเขต แบ่งแยก และรวมโฉนด หรือการออกเอกสารสิทธิใดๆให้แก่บริษัทฯหรือข้าพเจ้าเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว ข้าพเจ้าไม่มีอำนาจในการบังคับ สั่งการ ใช้หรือสนับสนุนหรือกระทำการใดๆเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตนของข้าพเจ้าหรือบริษัทฯแต่อย่างใดทั้งสิ้น และหากปรากฏว่า กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนการรังวัดที่ดินแปลงใด ว่ามีความคลาดเคลื่อนหรือไม่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายแล้ว เห็นว่า ต้องมีการแก้ไขและเรียกคืนที่ดินส่วนที่ผิดพลาดหรือมีการรังวัดที่ทำให้บริษัทที่ข้าพเจ้าเป็นกรรมการบริหารได้เนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น ข้าพเจ้าและบริษัทที่เกี่ยวข้องก็ยินดีและได้ดำเนินการแก้ไขเพื่อคืนเนื้อที่ให้แก่หน่วยงานรัฐตามที่อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้แก้ไขไปทุกๆแปลง โดยไม่เคยขัดข้อง อันเป็นการแสดงให้เห็นเจตนาโดยสุจริตของข้าพเจ้าและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ถูกกล่าวหา
ซึ่งกรณีที่ดินที่อำเภอสีคิ้ว บริษัทฯก็ได้มีการคืนที่ดินตามที่อธิบดีกรมที่ดินแจ้งว่ามีบางส่วนไม่ถูกต้องอันเกิดจากความผิดพลาดในการรังวัดของเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินนั้น กลับคืนเป็นที่ดินของรัฐแล้วจนหมดสิ้น
ส่วนที่ดินที่จังหวัดกระบี่ ข้าพเจ้าได้ซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมายจากอดีตข้าราชการอัยการท่านหนึ่ง โดยเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เป็น น.ส. 3ก. แล้ว และต่อมาได้มีการรังวัดขอออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งก็เป็นการยื่นคำร้องขอออกโฉนดตามระเบียบและกฎหมายที่ดิน โดยมีการรังวัดออกโฉนดถูกต้อง ข้าพเจ้ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ที่ดินแปลงดังกล่าวที่ซื้อมาตั้งแต่พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้ามิได้นำที่ดินมาพัฒนาหรือใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจแต่อย่างใด ยังคงเป็นที่ดินว่างเปล่า โดยให้คนเฝ้าดูแลรักษาที่ดินไว้เท่านั้น
หากอธิบดีกรมที่ดินเห็นว่า ไม่ถูกต้อง ข้าพเจ้าก็ยินดีเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งว่า ข้าพเจ้าและครอบครัว รวมถึงกลุ่มบริษัทธุรกิจที่มีข้าพเจ้าเป็นผู้บริหารเคารพต่อกฎหมายและดุลยพินิจในการดำเนินการตามหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการดำเนินการสอบสวนและกล่าวหาข้าพเจ้าและข้าพเจ้ายินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความสุจริตของตนตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อยืนยันว่า ข้าพเจ้ามิได้กระทำความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage