กลุ่มภาคีฯ ยื่นหนังสือจี้ชะลอการส่งสำนวนคดีฟ้องชาวบ้านบางกลอย หลังถูกเพิ่มข้อหาหนัก พนักงานสอบสวนเร่งรัดส่งฟ้อง ยันปักหลักจนกว่ามีลายลักษณ์อักษรชัดเจน ด้าน 'ธรรมนัส' แจงขอเวลา 10 วัน ได้ข้อยุติ
...........................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2564 เวลา 11.00 น. กลุ่มภาคีเซฟบางกลอย โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร ผู้แทนชาวบ้าน และนายธัชพงศ์ แกดำ ตัวแทนภาคีฯ ยื่นหนังสือให้กับนายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ เพื่อแจ้งให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอยมารับหนังสือด้วยตนเอง บริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล พร้อมอ่านแถลงการณ์ ระบุว่า สืบเนื่องจากการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านบางกลอยที่ไม่มีความคืบหน้าและสถานการณ์ตึงเครียดอันเกิดจากการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับชาวบ้าน 28 ราย ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โดยพนักงานสอบสวนมีความพยายามเร่งรัดส่งสำนวนฟ้องให้พนักงานอัยการภายในวันที่ 28 พ.ค. 2564
นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานยังมีการใช้ปฏิบัติการที่เรียกว่า 'ใจแผ่นดิน ยอดดวงใจของแก่งกระจาน' หลังปรากฏข่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกยิงด้วยอาวุธปืนเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา อาจถูกนำมาเชื่อมโยงกับชาวบ้านบางกลอยจนเกิดเป็นปฏิบัติการที่สร้างความขัดแย้ง อันไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล
ทั้งนี้ ตามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดิน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยหนึ่งในผลการเจรจาที่ต้องมีการปฏิบัติอย่างเร่งด่วน คือ การชะลอการส่งสำนวนคดีของชาวบ้านบางกลอยจนกว่าการแก้ไขปัญหาจะได้ข้อยุติ และเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2564 ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการฯ เป็นครั้งแรก มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดิน 5 ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการศึกษาประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานชุมชน และผลกระทบจากการประกาศอุทยานแห่งชาติ และการอพยพชุมชน คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหากฎหมาย คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความ คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ สัตว์ป่า และการให้การบริการทางนิเวศน์ กรณีการกลับไปอยู่อาศัยและทำกินที่บางกลอยบน และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตบ้านบางกลอยล่าง
แต่เนื่องจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่และพนักงานสอบสวนไม่ได้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดิน มีแต่ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายและตึงเครียดในพื้นที่ อันส่งผลกระทบต่อกระบวนการแก้ไขปัญหา ทางด้านภาคีเซฟบางกลอย จึงมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1. ขอให้ประสานงานหรือสั่งการไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอแก่งกระจาน ให้ชะลอการดำเนินการส่งฟ้องชาวบ้านบางกลอยทั้ง 28 คนไว้ก่อน รวมทั้งให้ยุติการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
2. ขอให้สั่งการให้คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหากฎหมายและคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความ เร่งรัดจัดประชุมโดยเร่งด่วน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านคดีความของชาวบ้าน ก่อนการดำเนินการใดๆ ของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ
3. ขอให้ประสานงานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ยุติการดำเนินการใดๆ ในระดับพื้นที่ เนื่องจากมีบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2564 และขณะที่ยังอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการฯ ที่ท่านเป็นประธานอยู่ รวมทั้งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณียิงเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงฯ และผลการดำเนินการตามปฏิบัติการใจแผ่นดิน 'ยอดดวงใจแก่งกระจาน' อย่างเป็นทางการและตรงไปตรงมาต่อสาธารณะ
ต่อมา เมื่อเวลา 12.30 น. ร.อ.ธรรมนัส ได้มารับหนังสือจากผู้แทนชาวบ้านบางกลอยด้วยตนเอง พร้อมชี้แจงว่า ได้ประสานงานไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอแก่งกระจาน พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดี รวมทั้งนายชัยพร เกริกกุลธร อธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ในนามประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความกรณีกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ให้เกิดการแก้ไขปัญหาด้านคดีได้ข้อยุติภายใน 10 วัน
“เรื่องแรก ผมได้รับการประสานจากทางพีมูฟแล้ว ผมประสานไปยังผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเรียบร้อยแล้ว การประชุมครั้งแรกที่ผมเป็นประธานได้มีข้อตกลงว่าเราจะชะลอการดำเนินคดีของพี่น้องบางกลอย ส่วนเรื่องที่สอง วันนี้ผมจะเขียนหนังสือไปยังท่านอธิบดีอัยการในบ่ายนี้ เพื่อให้ท่านที่เป็นประธานอนุกรรมการด้านคดี เกษียณหนังสือไปยังอัยการจังหวัดเพชรบุรี เจ้าของสำนวน ให้ชะลอคดี รวมทั้งไม่เพิ่มคดีให้พี่น้องบางกลอย เรื่องที่สามคือ การประชุมของคณะอนุกรรมการเรื่องคดีความ จะแล้วประชุมให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ทางด้าน นายธัชพงศ์ ผู้แทนภาคีฯ ยืนยันว่าจะปักหลักต่อไปจนกว่าจะมีหลักประกันเป็นลายลักษณ์อักษร
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage