ยอดผู้ต้องขังติดโควิดรายใหม่ทั่วประเทศ 11 เรือนจำ ป่วยเพิ่ม 1,117 ราย อยู่ระหว่างรักษา 12,767 ราย 'กรมราชทัณฑ์'เผยเปิดแนวทางให้ผู้ต้องขังยื่นคำร้องศาลขอปล่อยตัวชั่วคราว ปลดล็อคนักโทษสูงอายุ-ป่วยเรื้อรังเข้าเกณฑ์พิเศษ ลดความแออัด พร้อมตั้งสอบวินัยเจ้าหน้าที่ หากฝ่าฝืนกฎนำเชื้อแพร่ระบาด
....................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2564 เวลา 11.00 น. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน สรุปข้อมูล ผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ จำนวน 1,117 ราย คงเหลือผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรักษา 12,767 ราย โดยมี 2 เรือนจำที่ผู้ต้องขังได้รับการรักษาจนหายแล้ว และไม่พบผู้ติดเชื้อ คือ เรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเรือนจำอำเภอแม่สอด ทำให้ขณะนี้มีเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้ออยู่ 11 แห่ง ประกอบด้วย
เรือนจำกลางเชียงใหม่ ไม่มีติดเชื้อเพิ่ม อยู่ระหว่างการรักษา 3,600 ราย เรือนจำพิเศษ กทม. ติดเชื้อเพิ่ม 521 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 2,370 ราย ทัณฑสถานหญิงกลาง ติดเชื้อเพิ่ม 112 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,540 ราย เรือนจำพิเศษคลองเปรม ติดเชื้อเพิ่ม 149 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,324 ราย เรือนจำพิเศษธนบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 23 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 2,830 ราย เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ติดเชื้อเพิ่ม 16 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 64 ราย ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ไม่มีติดเชื้อเพิ่ม อยู่ระหว่างการรักษา 12 ราย เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 17 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 417 ราย เรือนจำกลางบางขวาง ติดเชื้อเพิ่ม 279 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 607 ราย เรือนจำพิเศษมีนบุรี ไม่มีติดเชื้อเพิ่ม อยู่ระหว่างการรักษา 2 ราย และเรือนจำกลางสมุทรปราการ ไม่มีติดเชื้อเพิ่ม อยู่ระหว่างการรักษา 1 ราย
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.รท. เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 โดยมี
ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ได้มีนโยบายให้เตรียมความพร้อมรับการแพร่ระบาดของโรคโควิดนเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง เร่งดำเนินการ ดังนี้
1. จัดพื้นที่จัดทำโรงพยาบาลสนามในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง พร้อมให้ประสานกับสำนักงานสาธารณสุขพื้นที่ เพื่อตรวจสอบมาตรฐานในการเตรียมรองรับกรณีมี่ผู้ติดเชื้อได้ทันที
2. ให้เรือนจำและทัณฑสถาน ตั้ง ศบค.ประจำเรือนจำทัณฑสถานทุกแห่ง
3. เร่งคัดกรอง และตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดในผู้ต้องขัง หากพบเชื้อให้ X-ray ปอดทุกราย รวมถึงให้ยา และรักษาให้เร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง
4. ใส่คลอรีนผสมในน้ำสำหรับอาบของผู้ต้องขังในเรือนจำทัณฑสถานทุกแห่ง
5. เรือนจำทัณฑสถานที่มีการพบเชื้อให้เร่งตรวจหาเชื้อในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังทุกรายจนครบ 100% ส่วนเรือนจำที่ยังไม่พบเชื้อให้สุ่มตรวจเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการไข้ และไอ
6. กรณีมีการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่มีการติดเชื้อ ก่อนการปล่อยตัวต้องรีบประสานสำนักงานสาธารณสุขพื้นที่ในการส่งต่อผู้ต้องขังไปยังพื้นที่ที่สาธารณสุขกำหนดโดยด่วน
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติม กรณีการสอบสวนสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อเข้าสู่เรือนจำ ว่าเกิดจากใเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดหรือไม่ นั้น ขณะนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง ของบุคลากรที่ติดเชื้อไวรัสโควิดว่าเกิดจากการฝ่าฝืนระเบียบหรือไม่ เพื่อดำเนินการทางวินัยและให้บุคลากรเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ และสังคมส่วนรวมต่อไป
นายอายุตม์ กล่าวถึงมาตรการลดความแออัดในเรือนจำ ว่า รมว.ยุติธรรม ได้สั่งการให้กรมราชทัณฑ์เร่งบรรเทาความแออัด กรมราชทัณฑ์ได้กำหนดมาตรการแล้วทั้งการให้ผู้ต้องขังใช้สิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ที่ได้รับความกรุณา จากสำนักงานศาลยุติธรรม รวมทั้งเสนอโครงการพักการลงโทษกรณีพิเศษสำหรับผู้ที่เจ็บป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาด และการปรับขยายเกณฑ์พักการลงโทษเพื่อให้นักโทษได้รับการพักการลงโทษมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง
สำหรับกรณีผู้ต้องขังที่ป่วย ขณะนี้ได้กำชับให้เรือนจำแจ้งให้ญาติทราบเป็นการเฉพาะรายทางโทรศัพท์หรือช่องทางอื่นแล้ว โดยเฉพาะความคืบหน้าการรักษา แต่ทั้งนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ต้องขังก่อน กรมราชทัณฑ์ขอขอบคุณภาครัฐ เอกชน และพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสิ่งของที่จำเป็นแก่กรมราชทัณฑ์ในการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ และขอยืนยันอีกครั้ง ว่าจะรักษา และดูแลผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทุกคนอย่างดีที่สุด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage