ครม.ไฟเขียว ขยายเวลาโครงการ 'เราชนะ' ใช้จ่ายได้ถึง 30 มิ.ย. เพิ่มกรอบวงเงิน 3,042 ล้านบาท รองรับประชาชนอีก 2.4 ล้านสิทธิ์ นอกจากนั้นยังอนุมัติ 68 ล้านบาท จัดเฟรนไชส์ โรดโชว์ สร้างอาชีพให้ประชาชน
-----------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราชนะ จากเดิมมีกลุ่มเป้าหมายจำนวนประมาณ 31.1 ล้านคน กรอบวงเงินไม่เกิน 210,200 ล้านบาท แต่เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีจำนวนมากขึ้น ทำให้ต้องปรับปรุงตัวเลข เพิ่มกลุ่มเป้าหมายเป็น 33.5 ล้านคน กรอบวงเงินไม่เกิน 213,242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3,042 ล้านบาท นอกจากนี้ยังขยายระยะเวลาใช้จ่ายเป็น 30 มิ.ย.2564 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.2564
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ครม.ยังรับทราบแนวทางจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลการทบทวนสิทธิ์ที่อาจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงและการกำหนดกรอบระยะเวลารับเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าว โดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับแจ้งจากประชาชนภายในวันที่ 13 พ.ค.2564
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ครม.ยังอนุมัติงบประมาณ 68 ล้านบาท ดำเนินโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิดของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 8 เดือนระหว่าง พ.ค.-ธ.ค.2564 ผ่านการดำเนิน 2 กิจกรรม คือ 1.จัดงานแฟรนไชส์สร้างอาชีพ โรดโชว์ 2021 ในภูมิภาค 15 ครั้ง 15 จังหวัด และ 2.จัดงาน DBD Franchise & SME Expo 2021 เพื่อประสานงานการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระหว่างเจ้าของแฟรนไชส์และสถาบันการเงินของรัฐและธนาคารพาณิชย์ที่มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้คาดว่า ธุรกิจแฟรนไชส์ 500 ราย จะได้นำเสนอธุรกิจเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดและผู้ว่างงาน ผู้ต้องการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ และแฟรนไชส์ซีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดได้ร่วมกิจกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ จำนวน 10,000 ราย
ด้าน นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ข้อมูล ณ วันที่ 20 เม.ย.2564 ความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ส่งผลให้ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2564 ถึงปัจจุบัน รวม 73,197 ล้านบาท
ส่วนประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการแล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2564 จำนวน 113,010 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.2564 เป็นต้นมา จำนวน 14,146 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 200,353 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชันถุงเงิน ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านแห่งอีกด้วย
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage