'พรรคก้าวไกล' เล็งฟ้องกลับ 'แรมโบ้-ตร.' ถ้าพบจงใจใช้คดีอาญากลั่นแกล้ง หลัง 'อมรัตน์' ถูกแจ้งความ ม.112 ชี้เป็นการดำเนินการแบบจับแพะชนแกะ-อคติ ชี้ทำแบบนี้ระคายเบื้องพระยุคลบาท ขอเตือนด้วยความปรารถนาดี - เล็งลงพื้นที่สังเกตการณ์ม็อบหน้าสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะการดำเนินคดีต่อนางอมรัตน์ โดยใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในการตีความอย่างกว้างตามอคติของนายสุภรณ์เอง ขยายวงแห่งความเกลียดชังให้กว้างขึ้น กีดขวางการทำงานของอำนาจนิติบัญญัติ และปิดปากการตรวจสอบจาก ส.ส. ทำงานให้กับราษฎรทุกคน
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า วันนี้ผู้ที่ถูกกระทำคือนางอมรัตน์ เบื้องต้นทางฝ่ายกฎหมายได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดมาจากอคติของผู้ร้อง เรากำลังรอดูท่าทีของตำรวจว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ จะร้องต่อศาลไม่เพียงแค่แจ้งความกับตำรวจ เพราะต้องการให้คดีเข้าสู่ศาลยุติธรรมให้เร็วที่สุด และเรื่องการแจ้งความเท็จ ตามมาตรา 177ขอฝากถึงตำรวจ ถ้ารู้ว่านางอมรัตน์ไม่ได้เข้าข่ายกระทำความผิดตามข้อกฎหมายเลย แต่ยังคงใช้กฎหมายกลั่นแกล้ง จะดำเนินคดีกับตำรวจด้วยมาตรา 157 และมาตรา 200 คือ จงใจใช้คดีอาญากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับโทษ โดยจะร้องต่อศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
“เป็นการตีความตามอคติของตัว และจะมุ่งสร้างอุปทานหมู่เพื่อจะสร้างความเกลียดชัง จับแพะชนแกะ จับโพสต์นั้นโพสต์นี้มาโยงกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ นี่คือความน่ากลัวและอันตรายของการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นอีกตัวอย่างที่สังคมคือการเอาตัวประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ที่จริงแล้วเป็นการกระทำระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ผมต้องเตือนนายสุภรณ์ด้วยความรักความปรารถนาดี เพราะเจอก็ยังทักทายกัน การใช้ มาตรา 112 อย่างกว้างมุ่งหมายมาขัดขวางการทำงานฝ่ายนิติญัตติ อย่างนี้ต้องถามนายสุภรณ์ว่า สมควรหรือไม่หรือเป็นการที่ทำที่บังอาจหรือไม่นี่ก็ต้องรอฟัง เป็นการเตือนถือว่าเป็นการเตือนพี่ เตือนเพื่อนก็แล้วกัน เพื่อความสบายใจ“ นายวิโรจน์ กล่าว
ส่วนนางอมรัตน์ กล่าวว่า กรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มี 3 ข้อหา ได้แก่ หลบหนีภาษี ปกปิดข้อมูลส่วนตัวเพื่อหนีการตรวจสอบ และทำผิดกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นการทำหน้าที่อภิปรายของ ส.ส.ฝ่ายค้านตามปกติ นายสุภรณ์แถลงข่าวว่าจะดำเนินคดี ในวันแรกของการอภิปราย ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรี และเมื่อวานนี้จะใช้กฎหมายมาตรา 112 อีก ตนมั่นใจอย่างที่สุดว่า ไม่ได้มีการกระทำที่เข้าข่ายกฎหมายมาตรา 112 เชื่อว่าการให้ข่าวของนายสุภรณ์เป็นการให้ข่าวเพื่อจงใจ ใส่ร้ายป้ายสี และหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง จึงตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ลอยนวล จะให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อคนที่พยายามจะใช้กฎหมายข้อนี้ปิดปากบุคคลทางการเมือง จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะทางแพ่งหรือทางอาญา เพื่อให้ทราบว่าอย่ามากลั่นแกล้ง รังแกกันโดยใช้ข้อหามาตรา 112 กับผู้อื่นอีกต่อไป
เมื่อถามว่าได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่นายสุภรณ์จะดำเนินคดีแล้วหรือไม่ นางอมรัตน์ กล่าวว่า ได้ทราบรายละเอียดทราบจากการแถลงข่าวของนายสุภรณ์ แต่ยังไม่เห็นหนังสือแจ้งความของจริง ต้องรอหนังสือจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จากการแถลงข่าวของนายสุภรณ์ ที่ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแกนนำม็อบ ส่วนตัวรู้สึกว่าไร้สาระมาก และยืนยันว่าไม่ได้กระทำการหมิ่นเหม่เข้าข่าย ผิดกฎหมายมาตรา 112
@เตรียมสังเกตการณ์ม็อบหน้าสภาด้วย
เมื่อถามถึงม็อบคณะราษฎรที่มาหน้ารัฐสภาเย็นนี้จะไปสังเกตการณ์ด้วยหรือไม่ นางอมรัตน์ กล่าวว่า ถ้าเกิดว่ามีการชุมนุม ถ้ามีเวลาไม่ติดอะไรสำคัญเพราะอยู่ใกล้ๆ นี้เอง ทุกครั้ง ส.ส.พรรคเราไปดู การเข้าไปอยู่ในพื้นที่ชุมนุม และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ชุมนุม ทั้งที่ทุกครั้งเข้าไปทำหน้าที่ในส่วนที่พรรคแต่งตั้งให้ไปสังเกตการณ์ พรรรคจะมอบหมายให้ว่าใครมีหน้าที่รับผิดชอบด้านใด และเราเป็นผู้ที่เข้าไปติดตามผู้ชุมนุมและติดตามทุกการชุมนุม แม้กระทั่งติดตามการชุมนุมของม็อบอีกฝั่งหนึ่ง ไปเหมือนกัน อย่างม็อบของเสื้อเหลืองที่ไปหน้ารัฐสภา ไปแล้วเอาข้อมูลมาประมวลดูว่าม็อบนี้มีคนแค่ไหน วัตถุประสงค์อย่างไร มีการใช้ความรุนแรงจริงหรือไม่ เราเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร ต้องดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หากไม่ไปดูด้วยแล้วจะทราบได้อย่างไร จะไปเป็นพยานได้อย่างไร จะให้นั่งในห้องแล้วจินตนาการตามข่าวก็ไม่ใช่ ต้องลงไปดูด้วยตัวเองในส่วนนี้จึงเกิดเป็นการจับแพะชนแกะ ว่าเราเข้าไปมีส่วนร่วม
นายวิโรจน์ กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า เบื้องต้นต้องไปดูว่ามีความรุนแรงด้วยหรือเปล่า ถ้าเกิดเป็นความชุมนุมที่สงบปฏิบัติกับผู้ชุมนุมอย่างเป็นธรรม ส.ส.พรรคก้าวไกล จะไปสังเกตการณ์สักหน่อย หากพบว่ามีการร้องเรียนหรือใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมเกินกว่าเหตุไม่สมสัดส่วนในฐานะ ส.ส. หรือยิ่งนางอมรัตน์ซึ่งเป็น กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ยิ่งต้องลงไปดูโดยหน้าที่ หากไม่ไปดูคงเป็น กมธ. ไม่ได้
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage