ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แจงกระแสบริษัทอินเดียเสนอขายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ไทยเป็นข่าวเท็จ! ยันแค่เสนอขอความร่วมมือวิจัย เป็นอีกบริษัทหนึ่ง เบื้องต้นทำบันทึกความเข้าใจไว้แล้ว ยันยังเดินหน้าเจรจาเข้าร่วมโคแวกซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล รวม 10 ราย ที่รัฐสภา เป็นวันที่ 2 เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2564 โดยช่วงเย็นภายหลังฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงถึงแผนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล โดยมีการอ้างว่าประเทศอินเดีย จำหน่ายวัคซีนแอสตราเซนเนก้าให้กับประเทศไทยนั้น นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงข่าวชี้แจงว่า ประเทศไทยมีการวางแผนจัดหาวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563 โดยมีการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ แสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อวิจัยพัฒนาร่วมกัน และติดตามข้อมูลวามก้าวหน้าของวัคซีนแต่ละชนิด พบว่า วัคซีนรูปแบบ mRNA และไวรัลเวคเตอร์ มีการพัฒนาและน่าจะสำเร็จในเวลาใกล้เคียงกัน จึงมีการเจรจาขอข้อมูลกับผู้ผลิตประเทศต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เช่น จีน อังกฤษ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เบลเยียม เป็นต้น
ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยตั้งเป้าว่าจะต้องได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตด้วย เพื่อรับมือกับการระบาดในเวลานี้และในอนาคต กระทั่งช่วงเดือน ก.ค. 2563 บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ได้หาพันธมิตรผู้ร่วมผลิตวัคซีนโควิด-19 ในเทคโนโลยีไวรัลเวคเตอร์ มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็น Hub การผลิตวัคซีนกว่า 60 บริษัท ใน 60 ประเทศ โดยแอสตร้าเซนเนก้า ได้ประเมินและคัดเลือก 25 บริษัทเป็นผู้ร่วมผลิต หนึ่งในนั้นคือ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เนื่องจากประเมินศักยภาพแล้วมีมาตรฐานเหมาะสมที่จะรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยจำเป็นต้องสนับสนุนพัฒนาศักยภาพเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้พร้อมรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เร็วที่สุดเพื่อผลิตวัคซีน และมีการเจรจาจองซื้อด้วย
"ถ้าจองซื้อวัคซีนกับบริษัทอื่น เป็นการคือซื้ออย่างเดียว แต่การจองซื้อกับแอสตร้าเซนเนก้า เราได้ศักยภาพการผลิตวัคซีนระดับโลกไว้กับเราด้วย ไม่ว่าจะอยู่กับภาครัฐหรือเอกชนไม่สำคัญ เพราะอยู่ในประเทศไทย ที่สำคัญแอสตร้าเซนเนก้ามีความมั่นใจอย่างมาก ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีตั้งแต่เดือนตุลาคม แม้ประเทศไทยยังไม่อนุมัติงบในการจองซื้อวัคซีน เนื่องจากบรรลุเงื่อนไขร่วมกันนือการเป็นหน่วยงานผลิตวัคซีนให้ภูมิภาคอาเซียน" ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าว
นพ.นคร กล่าวอีกว่า ส่วนการจองซื้อวัคซีนกับแอสตร้าเซนเนก้าและโครงการโคแวกซ์มีความแตกต่างกัน เนื่องจากค่าจองของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นส่วนหนึ่งของราคาวัคซีน แต่การจองกับโคแวกซ์เงินที่เรียกว่า UPFRONT PAYMENT เป็นค่าบริหารจัดการ ค่าวัคซีนจะกำหนดเมื่อทราบว่าได้วัคซีนของบริษัทใด และต้องจ่ายตามราคาที่ผู้ผลิตกำหนด ทั้งนี้ราคาวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ระบุว่าประเทศไทยซื้อแพงกว่าในราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดสนั้น ความจริงคือราคาอ้างอิงวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในเว็บไซต์ยูนิเซฟ หรือสหภาพยุโรป หรือของสหรัฐอเมริกา เป็นราคาที่ไม่รวมเงินสนับสนุนวิจัย ราคาจึงอยู่ที่ประมาณ 4 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อโดส นอกจากนี้ ในแต่ละแหล่งผลิต ราคาต้นทุนวัตถุดิบมีความแตกต่างกันตามช่วงเวลา หากเป็นวัตถุดิบตั้งแต่ปีที่แล้วราคาถูกกว่า แต่ช่วงปลายปี 2563 มีความต้องการผลิตวัคซีนสูง ทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น จึงเกิดความต่างเรื่องของราคา แต่อยู่บนหลักการไม่มีกำไรไม่มีขาดทุน
สำหรับข่าวบริษัทอินเดียเสนอขายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแต่ประเทศไทยไม่ซื้อนั้น นพ.นคร กล่าวว่า เป็นข่าวเท็จทางโซเชียลมีเดีย ข้อเท็จจริงคือเป็นการเสนอความร่วมมือวิจัยวัคซีนกับไทย เป็นอีกบริษัทไม่ใช่บริษัทที่เกี่ยวกับแอสตร้าเซนเนก้า เราทำข้อตกลงบันทึกความเข้าใจร่วมกันแล้ว ส่วนโครงการโคแวกซ์ ประเทศไทยยังเดินหน้าเจรจาเข้าร่วม ถ้าได้เงื่อนไขที่เหมาะสมกับประเทศไทย ขณะที่วัคซีนที่จะได้จากโคแวกซ์ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2564 ก็เป็นของแอสตร้าเซนเนก้า จึงมองว่าไม่ต้องเข้าร่วมโครงการ เพราะเราได้วัคซีนจากการผลิตในประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งคุณภาพทัดเทียมกับการผลิตจากบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก ส่วนประเด็นการห้ามใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในผู้สูงอายุ เรายึดตามความเห็นขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่าวัคซีของนแอสตร้าเซนเนก้าใช้ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปได้
"เราจัดซื้ออย่างโปร่งใสมีคณะกรรมการตรวจสอบ พิจารณาเงื่อนไขสัญญาต่างๆ โดยหน่วยงานกำกับกฎหมายของประเทศ ไม่ได้ปกปิด และขอให้มั่นใจศักยภาพว่าประเทศไทยไม่แพ้ใครในโลก วัคซีนก็ผลิตได้คุณภาพ เราไม่ต้องมีวัคซีนหลากหลายชนิด ขอให้มีมากพอครอบคลุมประชากร และจัดบริการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพ" นพ.นครกล่าว
หมายเหตุ : ภาพประกอบ นพ.นคร จาก https://www.thaipost.net/
อ่านประกอบ : หมัดต่อหมัด! 'สธ.-วิโรจน์' โต้กันนอกสภาว่าด้วยปัญหาความล่าช้าวัคซีนโควิดฯ?
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage