นายกฯ มอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด สั่งทำงานเชิงรุก ดึงกฎหมายฟอกเงิน-มาตรการภาษีสาวให้ถึงหัวหน้าเครือข่าย 'สมศักดิ์' ตั้งเป้าปีหน้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้านบาท พร้อมสั่งปรับลดรางวัลนำจับยาเสพติด - ชงแก้กฎหมาย ป.ป.ง.เพิ่มรางวัลยึดทรัพย์แทน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรยาเสพติด โดยตั้งให้ให้มีการยึดทรัพย์ได้ 6,000 ล้านบาทในปี 2564 ว่า การปราบปรามทางธุรกรรมทางการเงินจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยลดปัญหายาเสพติด โดยมูลค่าของยาเสพติดในแต่ละปีมีมากถึง 1.8 ล้านล้านบาท ในขณะที่ภาครัฐดำเนินการยึดทรัพย์ได้จริงปีละ 600-700 ล้านบาทเท่านั้น โดยที่ผ่านมาได้หารือกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากหลายภาคส่วนจนทำให้ปีนี้ยึดทรัพย์มาได้แล้ว 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้าไว้ว่าปี 2563 น่าจะมีภาพรวมการยึดทรัพย์ถึง 1,400 ล้านบาท นอกจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามแล้ว ผู้ที่มีส่วนสำคัญเรื่องนี้คือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่จะทำให้ภาครัฐดำเนินการยึดทรัพย์ได้มากขึ้น โดยระหว่างนี้จะพุ่งเป้าไปที่คน 2 กลุ่ม คือ ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายที่ถูกจับมาแล้ว และ เครือข่ายที่มีธุรกรรมทางการเงินต้องสงสัย ที่จะนำไปสู่การขยายผลจับกุมได้ในที่สุด
นายสมศักดิ์ ย้ำว่า การจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดหลังจากนี้ จะต้องขยายผลไปสู่การแจ้งข้อหาคดีฟอกเงิน หรือเลี่ยงภาษี รวมถึงต้องแจ้งอายัดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้ไม่น้อยกว่า 10 เท่าของปีที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่าหากทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือ จะสามารถยึดทรัพย์คดีค้ายาเสพติดได้ถึง 6,000 ล้านบาทในปี 2564
ส่วนเรื่องรางวัลนำจับจะช่วยเป็นสิ่งจูงใจให้ทุกคนช่วยกันแจ้งเบาะแส ล่าสุดอยู่ระหว่างการร่างประกาศกระทรวงยุติธรรม เพื่อปรับลดรางวัลนำจับและเงินค่าจอบแทนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติด โดยกำหนดอัตราจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ โดยคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ในยาเสพติดชนิดต่างๆ ดังนี้ เฮโรอีน กรัมละ 25 บาท จากเดิมกรัมละ 100 บาท , มอร์ฟีน กรัมละ 5 บาท จากเดิมกรัมละ 20 บาท , โคคาอีน กรัมละ 5 บาท จากเดิมกรัมละ 20 บาท และซูโดอีเฟดรีน หรือ อีเฟดรีน กรัมละ 0.75 บาท จากเดิมกรัมละ 3 บาท
ส่วนแอมเฟตามีนที่เป็นส่วนผสมของยาบ้า ถูกปรับลดเหลือเม็ดละ 0.50 บาท จากเดิม เม็ดละ 2 บาท , ชนิดผงคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ กรัมละ 25 บาท จากเดิมกรัมละ 100 บาท กัญชาแห้ง กรัมละ 0.10 บาท , กัญชาสด กรัมละ 0.02 บาท , ยางกัญชา กรัมละ 0.20 บาท , น้ำมันกัญชา กรัมละ 0.50 บาท , ฝิ่น กรัมละ 3 บาท เป็นต้น
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากปรับลดรางวัลนำจับแล้ว ยังได้ปรับลดเพดานการจ่ายเงินจากเดิมที่กำหนดให้จ่ายคดีละไม่เกิน 2 ล้านบาท เหลือไม่เกิน 5 แสนบาท โดยขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการทุกขั้นตอนเรียบร้อยหมดแล้ว และอยู่ระหว่างส่งต่อให้กรมบัญชีกลางพิจารรณารายละเอียดต่อไป ทั้งนี้อัตรารางวัลนำจับใหม่อาจทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ แต่ในอนาคตจะมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ง. ที่จะทำให้งบประมาณที่ถูกใช้จ่ายรางวัลนำจับ ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นอัตรารางวัลที่ได้จากการยึดทรัพย์ในคดีค้ายาเสพติดต่อไป
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มอบนโยบายผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่า ที่ผ่านมาการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นการจับกุมผู้ค้ารายย่อย ซึ่งมีการขยายผลไปสู่การจับกุมยึดทรัพย์สินนายทุน และเครือข่ายยาเสพติดยังน้อยอยู่ ส่งผลให้ยังคงมีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดปรากฏอยู่ เพราะแหล่งเงินสนับสนุนไม่ได้ถูกทำลายอย่างถอนรากถอนโคน โดยหลักการสำคัญ 3 ประการที่จะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จจากนี้ คือ 1.หลักกฎหมาย โดยขอให้กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดปรับปรุงมาตรการทางกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น
2.หลักการบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร อัยการ สรรพากร และหน่วยงานด้านการปราบปรามในการดำเนินการตามนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด และ 3.หลักการทำงานเชิงรุกและคิดเชิงระบบ โดยให้แต่ละจังหวัดมีการตั้งเป้าการยึดทรัพย์สิน จัดทำแผนผังความเชื่อมโยงของเครือข่าย และเส้นทางการเงินของนักค้ายาเสพติด เพื่อนำไปสู่การใช้มาตรการด้านการฟอกเงินและมาตรการทางภาษีต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage