ธปท.ปรับเงื่อนไขโครงการ ‘คลินิกแก้หนี้’ ขยายช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็น NPL ก่อนวันที่ 1 ก.ค.63 จากเดิมที่ต้องเป็นก่อน 1 ม.ค.63 ยืดหยุ่นเงื่อนไขให้ผู้เข้าร่วมโครงการกู้เงินเพิ่มได้ก่อนครบ 5 ปี แต่ต้องผ่อนเงินต้นได้อย่างน้อย 50%
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้เห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขของโครงการ 2 เรื่อง คือ การปรับคุณสมบัติลูกหนี้โดยเลื่อนวันของการเป็น NPL (วัน cut-off date) และการปรับเกณฑ์ห้ามก่อหนี้ใหม่ เพื่อขยายความช่วยเหลือลูกหนี้ในวงกว้างมากขึ้น และสอดคล้องกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่ 2 ของ ธปท.
สำหรับการปรับปรุงเงื่อนไขดังกล่าว ได้แก่ 1.ปรับเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัครเข้าโครงการ จากเดิมผู้สมัครต้องเป็นหนี้เสีย หรือ NPL ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 มาเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เพื่อขยายความช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้ที่กลายเป็น NPL ในช่วงครึ่งแรกของปีจากผลของวิกฤตโควิด 19 ให้ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที หลังจากปรับเงื่อนไขในครั้งนี้ คาดว่าจะมีลูกหนี้สนใจสมัครเข้าโครงการจำนวนมาก และทำให้ขั้นตอนการพิจารณาใช้เวลานานกว่าช่วงปกติอยู่บ้าง จึงขอให้ผู้สมัครยื่นและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อทราบผลการพิจารณาแล้ว โครงการจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลให้ทราบโดยเร็ว
2.ปรับเกณฑ์ห้ามก่อหนี้ใหม่ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยปัจจุบันกำหนดให้ผู้เข้าโครงการห้ามก่อหนี้ใหม่ภายในเวลา 5 ปี แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มเกณฑ์ว่า หากผู้เข้าร่วมโครงการสามารถผ่อนชำระเงินต้นได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ก็สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้ ซึ่งอาจใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อขึ้นกับหลักเกณฑ์ของผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่ง การปรับเกณฑ์ในครั้งนี้มุ่งหวังเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้สมัครเข้าโครงการมากขึ้น เพราะบางส่วนกังวลเรื่องห้ามก่อหนี้ใหม่ 5 ปี อีกทั้งเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้เร่งชำระหนี้คืน หรือชำระหนี้เมื่อมีเงินก้อนถ้ายังพอมีความสามารถ
นางธัญญนิตย์ ยังระบุว่า ตามที่ ธปท. ประกาศมาตรการพื้นฐานขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด สิ่งหนึ่งที่มาตรการในระยะที่ 2 ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น คือ ผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องมีมาตรการสำหรับกลุ่มที่เป็น NPL แล้ว ดังนั้น ผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องจัดให้มีช่องทางหรือกลไกแก้ไขหนี้ในลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้ รวมทั้งมีแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เอื้อต่อการผ่อนชำระเช่นเดียวกับโครงการคลินิกแก้หนี้ และเสนอให้ลูกหนี้พิจารณา
“พูดง่าย ๆ ว่า หากลูกหนี้ที่เป็น NPL นอกจากจะสมัครเข้าโครงการแล้ว ยังสามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนได้โดยตรงกับผู้ให้บริการทางการเงิน” นางธัญญนิตย์กล่าว
นางธัญญนิตย์ กล่าวด้วยว่า เมื่อมองไปข้างหน้า ผลกระทบจากวิกฤตโควิด 19 จะส่งผลให้จำนวนลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อ ส่วนบุคคล (หนี้บัตร) มีแนวโน้มกลายเป็นหนี้เสียสูงขึ้น ดังนั้น การที่เจ้าหนี้และลูกหนี้สามารถตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ร่วมกันจะเป็นวาระทางเศรษฐกิจที่สำคัญมาก โดยเฉพาะหนี้บัตรซึ่งเป็นหนี้ที่มีจำนวนบัญชีลูกหนี้มากที่สุดในบรรดาหนี้รายย่อยทั้งหมด
"ความสำคัญของแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กลางของโครงการคลินิกแก้หนี้ จึงอยู่ที่การเป็นหนึ่งในทางออกที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้บัตรของลูกหนี้รายย่อยจำนวนมาก ลุกลามกลายเป็นวิกฤตหนี้รายย่อยที่อาจจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดี ยึดทรัพย์ในวงกว้าง ซึ่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้นไม่สามารถประเมินเป็นตัวเงินได้" นางธัญญนิตย์กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามการเปิดรับสมัครและข่าวสารของโครงการได้หลายช่องทาง ได้แก่ ผ่านทาง Website LINE Facebook หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0 2610 2266 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.00 น. นอกจากนี้ ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีผู้แอบอ้างว่าเป็นตัวแทน ธปท. ที่จะสามารถช่วยท่านเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือช่วยเรื่องอื่น ๆ โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดำเนินการเป็นการตอบแทน หากท่านมีข้อสงสัยหรือมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลและสอบถามข้อเท็จจริงได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร. 1213
ด้านนายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธปท. กล่าวว่า ธปท. ได้จัดทำรายงานความยั่งยืนประจำปี 2562 เป็นฉบับแรก และจะจัดทำรายงานเป็นประจำทุกปี เพื่อรายงานผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมความยั่งยืนของ ธปท. ในสามมิติหลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ให้สาธารณชนรับทราบและตระหนักถึงความสำคัญ โดย ธปท. ผลักดันการดำเนินงานผ่าน 2 ด้านสำคัญ
ด้านแรก การผลักดันผ่านภาคสถาบันการเงินตามบทบาทธนาคารกลางผู้กำกับดูแล ด้วยหลักการ ‘การธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking)’ ธปท. ส่งเสริม สนับสนุน และออกแนวปฏิบัติให้ภาคสถาบันการเงินดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงปัจจัยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การให้บริการทางการเงินอย่างเป็นธรรม การสร้างวินัยทางการเงิน รวมถึงการดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดีของสถาบันการเงิน
ด้านที่สอง การผลักดันผ่านการดำเนินงานขององค์กร การดำเนินภารกิจที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในส่วนของกระบวนการผลิตธนบัตรและการดำเนินงานที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงาน ในด้านสังคม ธปท. มุ่งสร้างความรู้ด้านการเงินให้กับประชาชน รวมถึงการร่วมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม และในด้านธรรมาภิบาล การดำเนินงานภายใต้กรอบธรรมาภิบาลที่ดีตามมาตรฐานสากล และกำหนดหลักธรรมาภิบาลเพื่อความยั่งยืนเป็นหลักให้พนักงานยึดถือปฏิบัติ
นอกจากนี้ ธปท. ได้กำหนดให้ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ ธปท. 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) ซึ่งจะทำให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนในการดำเนินการ เพื่อให้ ธปท. ทำหน้าที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจการเงินไทยให้มีความเข้มแข็งเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ กระจายประโยชน์อย่างเป็นธรรม เป็นรากฐานสำคัญเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับประชาชน
อ่านประกอบ :
72% จ่ายค่างวดปกติ! 'คลินิกแก้หนี้' ย้ำสมัครแก้หนี้เสียบัตรฯก่อนสิ้นก.ย.ได้ส่วนลดดบ.2%
'คลินิกแก้หนี้' ช่วยลูกหนี้ฯ ให้เลื่อนจ่ายค่างวด 6 เดือน-ลดดอกเบี้ย 2%
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/