'คลินิกแก้หนี้' ไฟเขียวให้ลูกหนี้ในโครงการฯ เลื่อนชำระค่างวดได้นาน 6 เดือน และลดดอกเบี้ย 2% ลดผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การระบาดของไวรัสโควิด19 ส่งผลกระทบต่อคนไทย ธุรกิจไทย และเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ ได้หารือและเห็นร่วมกันว่า โครงการฯจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่เข้าร่วมโครงการในเชิงรุกอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับผลกระทบจากวิกฤตโควิด19 ที่อาจรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้นในระยะต่อไป
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือในครั้งนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้จะได้รับยา 2 ชนิด ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19
ยาชนิดแรก คือ การผ่อนปรนให้สามารถเลื่อนงวดชำระ (ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) ออกไปเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน (เม.ย. - ก.ย. 2563) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการไม่ต้องพะวักพะวน หรือกังวลใจว่า มีภาระหนี้ที่ไม่สามารถจ่ายได้รออยู่ รวมทั้งเพื่อสร้างกำลังใจ และเพิ่มสภาพคล่องพอสมควรสำหรับดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนได้รับสิทธินี้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องโทรศัพท์เข้าไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงสัญญากับคลินิกแต่อย่างใด
ยาชนิดที่สอง คือ การปรับลดดอกเบี้ยของโครงการลง 2% เป็นระยะเวลา 6 เดือน (เม.ย. - ก.ย. 2563) เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการที่ยังจ่ายชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง
"สมาชิกของโครงการส่วนใหญ่ ปัจจุบันจ่ายดอกเบี้ยที่ 4-5% แต่ตามมาตรการในครั้งนี้จะช่วยให้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 2% คือเหลือเพียง 2-3% นอกจากจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้เข้าร่วมโครงการที่ยังพอมีศักยภาพ ให้มีการผ่อนชำระเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สมมติค่างวดเท่าเดิม การลดอัตราดอกเบี้ยลงจะทำให้เงินที่ผู้เข้าร่วมโครงการจ่ายเข้ามาจะถูกนำไปตัดชำระเงินต้นได้มากขึ้นด้วย" นางธัญญนิตย์กล่าว
นางธัญญนิตย์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้มีคำถามที่มีผู้สอบถามเข้ามา คือ ถ้าช่วงนี้เริ่มจ่ายค่างวดทั้งหมดไม่ไหวเหมือนเดิมจะทำอย่างไร โครงการฯผ่อนปรนเงื่อนไขให้สามารถจ่ายชำระเข้ามาเท่าที่ทำได้ เช่น ครึ่งหนึ่งของค่างวดที่เคยจ่าย เพื่อรักษาสถานะ ในกรณีนี้ก็ยังได้รับสิทธิพิเศษเรื่องการลดดอกเบี้ย
ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า ประชาชนที่มีหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล สนใจสมัครเข้าโครงการในช่วง เม.ย.-ก.ย.2563 จะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ด้วยหรือไม่ นางธัญญนิตย์ ระบุว่า ผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขโครงการ และสมัครเข้ามาที่คลินิกแก้หนี้ ในช่วงนี้ยังมีสิทธิได้รับข้อเสนอลดดอกเบี้ย 2% จากโครงการเช่นเดียวกัน
"เราเชื่อว่ามาตรการ หรือ ยาที่เราให้ในครั้งนี้จะมีประสิทธิภาพและแรงในระดับหนึ่ง ที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโควิด19 ดังนั้น ช่วงนี้ถ้าท่านใดมีปัญหา รายได้หด หรือ รู้สึกว่าจ่ายค่างวดไม่ไหว ก็ขอให้อย่ากังวล เราเข้าใจปัญหาและผ่อนปรนเต็มที่ และในช่วงนี้ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันลดความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน เพื่อที่ประชาชนจะได้ทุ่มเทกำลังเพื่อดูแลสุขภาพกายใจของตนเองและครอบครัวให้แข็งแรงในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นางธัญญนิตย์กล่าว
ทั้งนี้ ณ เดือนธ.ค.2562 คลินิคแก้หนี้เข้าช่วยเหลือประชาชนแก้หนี้บัตรไปแล้ว 3,194 ราย ครอบคลุมบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดกว่า 13,000 ใบ มีหนี้บัตรเฉลี่ยรายละ 3 ใบ มูลหนี้เฉลี่ยต่อราย 234,843 บาท ในจำนวนนี้ 72 รายชำระหนี้หมดแล้ว
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage