สมคิด' มอบนโยบาย 'สนธิรัตน์' ดันแผนพลังงานสร้างไทย ระยะ 3 ปี เดินหน้าลดรายจ่ายประชาชน 4 หมื่นล้านบาท ลดเงินส่งกองทุนน้ำมัน 50 สต./ลิตร-ลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น 50 สต./ลิตร-เว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ พร้อมตั้งเป้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่-ลงทุน LNG Hub กว่า 2 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบาย 'พลังงานสร้างไทย' ให้กับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงกระทรวงพลังงาน ทั้งนี้ ภายหลังการมอบนโยบาย นายสนธิรัตน์ แถลงว่า กระทรวงพลังงานจัดเตรียมแผนงานด้านพลังงาน เพื่อลดค่าครองชีพและสร้างรายได้ให้กับประชาชนหลังสถานการณ์เชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ระยะ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2563-2565 วงเงินรวม 2.7 แสนล้านบาท ประกอบด้วย
1.การลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 40,500 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาและดำเนินการต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ผ่านมาตรการช่วยเหลือสำคัญ เช่น ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากการนำเข้า Spot LNG การยกเว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ (Minimum charge) ถึงกันยายน 2563
การตรึงราคาแก๊สหุงต้มถึงกันยายน 2563 และจะพิจารณาขยายไปถึงธันวาคม 2563 การช่วยเหลือส่วนต่างราคา NGV สำหรับรถสาธารณะ โดย ปตท. ช่วยเหลือส่วนต่างราคาจนถึงกรกฎาคม 2563 การจัดโครงการพลังงานร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 แจกแอลกอฮอล์โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั่วประเทศกว่า 2 ล้านลิตร การลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันลง 50 สตางค์ต่อลิตร และลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลง 50 สตางค์ต่อลิตร
2.เร่งรัดการลงทุนด้านพลังงานรวมกว่า 200,000 ล้านบาท ในปี 2563 สร้างการจ้างงานกว่า 10,000 คน โดยในปี 2563 จะมีการเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ การเริ่มดำเนินการ LNG Hub การเริ่มการลงทุนพัฒนา Grid Modernization และศึกษาความเป็นไปได้ของ Grid Connectivity กับประเทศเพื่อนบ้าน การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม และเร่ง LNG receiving Terminal
3.กระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวมกว่า 30,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ชุมชน และเกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คน ซึ่งต่อจากนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะกระตุ้นให้เกิดการค้าผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนโรงไฟฟ้าและท่องเที่ยวเขื่อนทั่วไทย และปตท.จะจัด Living Community Market Place และเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจกับ Blue card
พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีแผนที่จะขยายสายส่งไฟฟ้าเพื่อผันแม่น้ำยวมสู่อ่างเก็บน้ำภูมิพลเพื่อชลประทาน และยังช่วยลดปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นได้ด้วย รวมไปถึงการพิจารณาหาแนวทางการนำไฟฟ้าส่วนเกินมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสนธิรัตน์ ยังระบุว่า ในส่วนของการผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เกิดการลงทุนและสร้างรายได้กว่า 2000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 คน เมื่อครบเป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ การใช้ระบบ Blockchain เข้ามาช่วยในการซื้อขายปาล์มภาคพลังงานทั้งระบบ จะเกิดการหมุนเวียนรายได้กว่า 14,000 ล้านบาท
ขณะที่การลงทุนเพื่อช่วยประกอบการ Start up โดย ปตท. สนับสนุนทุนไปแล้วกว่า 17 ราย และ กฟผ. จะมี Innovation Holding Company เข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าในยุค Disruptive technology นอกจากนี้ ยังมีแนวทางที่จะบูรณาการทำงานกับหน่วยงานอื่น เพื่อผลักดันการพัฒนา E-Transportation ให้ครบวงจร
"กระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัดทุกหน่วยจะเร่งเดินหน้าตามแผนงานดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนมีรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เดินหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป” นายสนธิรัตน์กล่าว
อ่านประกอบ :
'สนธิรัตน์' ลุยอีสานขับเคลื่อนนโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
ไม่เน้นซื้อของ! ‘สนธิรัตน์’ รื้อเกณฑ์กองทุนอนุรักษ์ฯ-เชื่อปิดช่องการเมืองแทรก
จับตา 'กองทุนอนุรักษ์พลังงาน' ยุค พปชร. วิจารณ์แซด ‘ชงเองกินเอง’?
ย้อนรอย ‘กองทุนอนุรักษ์พลังงาน’ มีการเมืองล้วงลูก ‘ชงเองกินเอง’ จริงหรือ?
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage