ราชกิจจาฯ เผยแพร่ข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงเวลาเคอร์ฟิว-ห้ามออกนอกเคหสถาน พร้อมให้อำนาจผู้ว่าฯ สั่งปิดสถานที่เสี่ยงโควิด แต่ห้ามเปิดจนกว่าจะมีมาตรการผ่อนคลาย
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5) ระบุถึงมาตรการที่จะต้องดำเนินการต่อไป หลังมีการขยายระยะเวลาการบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.
1.ห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่าง 22.00-04.00 น. ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เช่น ออกเคหสถานในเวลาดังกล่าวและไม่ยอมรับการแยกกักตัว หรือมั่วสุมชุมนุมทำกิจกรรมอันเสี่ยงต่อการแพร่โรค อาจมีความอีกสถานหนึ่งตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
ขณะเดียวกัน หากมีการเสนอข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์อันไม่เป็นความจริง ซึ่งเป็นความผิดตาม ข้อ 6 แห่งข้อกำหนด และเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเหล่านั้นทุกฐานความผิด ทั้งนี้ราชการอาจพิจารณาขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้กระทำความผิดดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาในการขอรับความช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐในโอกาสต่อไปด้วยก็ได้
2.การห้ามหรือข้อจำกัดการดำเนินการหรือการทำกิจกรรมบางอย่างตาม พ.ร.ก.และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
-ห้ามใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภทเพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก เว้นแต่เป็นการสื่อสารแบบทางไกลหรือด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
-ห้ามจัดกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย เช่น ประชุม สัมมนา การแจกจ่ายอาหารหรือสิ่งของ การจัดเลี้ยง เว้นแต่เป็นเป็นการจัดโดยเจ้าหน้าที่หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และต้องเว้นระยะห่างระหว่างผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 1 เมตร สถานที่ต้องโล่งแจ้ง ไม่แออัด ใช้เวลาทำกิจกรรมไม่นาน
-ห้ามใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน ยกเว้นแต่เป็นไปตามประกาศ เงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศกำหนด
-ห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ และให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา และหลักเกณฑ์ที่กำหนด
-ให้ผู้ที่ถูกแยกกักตัวเพื่อควบคุมโรค ต้องทำตามคำสั่งหรือเงื่อนไขในระยะเวลาที่กำหนด
-ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และผู้ว่าราชการจังหวัด มีคำสั่งปิดสถานที่ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่โรคเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้ประเมินสถานการณ์และมีข้อกำหนดผ่อนคลายต่อไป ประกอบด้วย โรงมหรสพ สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก สวนสัตว์ สถานที่เล่น สเก็ตหรือโรลเลอร์เบรดหรือการละเล่นอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน สนุกเกอร์ บิลเลียด สถานที่เล่นโบว์ลิ่งหรือตู้เกม ร้านเกมและร้านอินเทอร์เน็ต สระว่ายน้ำสาธารณะ สนามชนไก่ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดสาธารณะ สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอำยุ สนามมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม) สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ สนามม้า สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า สถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด
-ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯและผู้ว่าราชการจังหวัดอาจพิจารณาปิด จำกัด หรือห้ามการดำเนินการสถานที่หรือสั่งให้งดการทำกิจกรรมอื่นที่มีความเสี่ยงนอกเหนือจากที่ระบุไว้ได้ แต่ห้ามสั่งให้เปิดสถานที่ใดๆ จนกว่าจะได้ประเมินสถานการณ์และมีข้อกำหนดผ่อนคลายต่อไป
ทั้งนี้ การปฏิบัติศาสนกิจหรือศาสนพิธีในวันสำคัญทางศาสนาหรือตามประเพณีนิยม ณ ศาสนสถานใดให้เป็นไปตามดุลยพินิจและอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ปกครองดูแลศาสนานั้น
และให้ประชาชนงดหรือชชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่มาความจำเป็นซึ่งต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องรับการตรวจคัดกรอง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหน อันอาจทำให้การเดินทางต้องใช้เวลามากกว่าปกติและไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง
ดูเพิ่มเติม : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/102/T_0001.PDF
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage