‘ไสลเกษ วัฒนพันธุ์’ ปธ.ศาลฎีกา ลงนามระเบียบใหม่ ให้ศาลชั้นต้น-ฎีกา อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งคดีอาญา ผ่านระบบถ่ายทอดสดภาพ-เสียงให้จำเลยฟังผ่านเรือนจำได้ มีผลบังคับใช้ 14 เม.ย.เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ลงนามในระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาในคดีอาญาที่ศาลฎีกา โดยจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพ โดยระเบียบดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับนัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ระบุสาระสำคัญว่า โดยที่บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 209 ประกอบมาตรา 225 กำหนดว่าศาลฎีกาจะอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ศาลฎีกาหรือส่งไปให้ศาลชั้นต้นอ่านก็ได้ ซึ่งการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาในคดีอาญาที่ศาลฎีกา โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการอำนวยความยุติธรรมจะเป็นหลักประกันการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของจำเลยซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำพึงจะได้รับทราบคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาโดยเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ประธานศาลฎีกาจึงวางระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมดังต่อไปนี้
ระเบียบดังกล่าวในข้อ 3 คดีอาญาที่จำเลยต้องขังระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา หากประธานศาลฎีกาเห็นสมควรอ่านคำพิพากษาหรือมีคำสั่งที่ศาลฎีกา โดยจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือวิธีการอื่นในทำนองเดียวกันกับศาลชั้นต้นหรือเรือนจำแล้วแต่กรณีก็ให้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาที่ศาลฎีกา
ข้อ 4 การดำเนินการตามข้อ 3 นั้น ให้เลขานุการศาลฎีกาหรือบุคคลที่เลขานุการศาลฎีกามอบหมาย เป็นผู้ประสานงานกับศาลชั้นต้นเพื่อกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกา โดยให้ศาลชั้นต้นเบิกตัวจำเลยมาฟังที่ศาลชั้นต้น หรือประสานไปยังเรือนจำเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับวัน เวลา สถานที่ อุปกรณ์ในการให้จำเลยฟังที่เรือนจำ และเพื่อให้เรือนจำมอบหมายเจ้าหน้าที่ของเรือนจำนั้นอยู่เป็นสักขีพยานตลอดการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง
ข้อ 5 ในวันนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกา ให้ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกา โดยจัดให้มีการถ่ายทอดสดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพกับศาลชั้นต้น หรือศาลชั้นและเรือนจำตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้น และจัดทำรายงานกระบวนพิจารณาให้ปรากฏข้อความว่า เป็นการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาที่ศาลฎีกา ตามวิธีการดังกล่าว โดยให้ผู้พิพากษาที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกา มีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการออกหมายและการนับวันต้องขังไปยังศาลชั้นต้น เพื่อให้ศาลชั้นต้นออกหมายตามผลคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาด้วย
เมื่อศาลฎีกาส่งคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาที่ได้อ่านพร้อมรายงานกระบวนการพิจารณาให้ศาลชั้นต้นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นในวันที่อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาแล้ว ในกรณีที่อ่านให้จำเลยฟังที่ศาลชั้นต้น ให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและจำเลยลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา ส่วนกรณีอ่านให้จำเลยฟังที่เรือนจำ ให้ศาลชั้นต้นประสานงานกับเรือนจำเพื่อจัดให้จำเลยและสักขีพยานลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา หลังจากนั้นให้ศาลชั้นต้นส่งรายงานกระบวนพิจารณากลับมายังศาลฎีกาภายในวันเดียวกัน ส่วนรายงานกระบวนพิจารณาฉบับที่มีการลงลายมือชื่อให้ถือเป็นคู่ฉบับ และให้ศาลชั้นต้นเก็บไว้เพื่อรอกลัดเข้าสำนวน
ในระหว่างการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาให้จำเลยฟังที่เรือนจำ ศาลชั้นต้นอาจจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในห้องพิจารณาโดยเปิดเผย
อ่านรายละเอียดประกอบ : https://jla.coj.go.th/th/file/get/file/20200413697a417dcda5d0ef95ec08dae7a5f0bd102801.pdf
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/