กรุงไทยฯ ประเมินยอดโอนกรรมสิทธิ์ ‘บ้าน-คอนโด’ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ปี 63 โต 5.5% ได้แรงหนุนจากมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง และอานิสงส์เปิดเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยฯประเมินว่าในปี 2562 มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีมูลค่า 5.36 แสนล้านบาท หดตัว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นที่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม 2.42 แสนล้านบาท หดตัว 11% และมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบอยู่ที่ 2.94 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
“ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งการปรับฐานของตลาดที่อยู่อาศัย จากการใช้เกณฑ์ LTV ใหม่ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2562 อีกทั้งต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ เช่น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินหยวน ส่งผลให้ผู้ซื้อชาวจีนมีมุมมองว่าที่อยู่อาศัยในไทยมีราคาสูงขึ้น” นายพชรพจน์กล่าว
สำหรับปี 2563 ศูนย์วิจัยฯประเมินว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีแนวโน้มขยายตัว 5.5% เมื่อกับปีก่อน 2562 แบ่งเป็นการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมขยายตัว 4.5% และการโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบขยายตัว 6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% และการเปิดส่วนต่อขยายของเส้นทางรถไฟฟ้า เช่น ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานีหมอชิตไปยังพื้นที่รัชโยธินอีก 5 สถานี
นายกณิศ อ่ำสกุล นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า จากการวิจัยเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมในย่านรัชโยธิน พบว่าเป็นหนึ่งในทำเลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาคอนโดมิเนียม เพราะมีความสะดวกสบายในการเดินทาง และความอุดมสมบูรณ์ในหลายมิติ เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ มีศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียง สถานศึกษาที่สำคัญ รวมทั้งสถานพยาบาล โดยมีตัวเลือกมากถึง 11,561 ยูนิต จาก 35 โครงการ
“ในย่านรัชโยธิน โครงการเก่าราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ที่ 93,600 บาท ส่วนโครงการใหม่อยู่ที่ 138,000 บาท ซึ่งถูกกว่าคอนโดมิเนียมในตัวเมืองอย่างเพลินจิต-ชิดลม สีลม-สาทร 51% และถูกกว่าพื้นที่รอบตัวเมือง เช่น พระราม9-เพชรบุรี-อโศก ราชเทวี และพญาไท 29% และแม้ว่าจะมียูนิตเหลือขาย 2,910 ยูนิต แต่ยูนิตเหลือขายมีทิศทางลดลง แสดงให้เห็นว่าไม่ได้อยู่ในภาวะ Oversupply เมื่อเทียบกับคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง”นายกณิศกล่าว
ผลวิจัยยังพบว่า คอนโดมิเนียมในพื้นที่รัชโยธินเหมาะกับการอยู่อาศัยจริง ส่วนการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างระหว่างต้นทุนซื้อกับราคาขายต่อ (Capital Gain) และผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
“การซื้อคอนโดมิเนียมในพื้นที่รัชโยธิน เพื่อปล่อยเช่าเป็นระยะเวลา 10 ปี ก่อนขายในปีสุดท้าย จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 3.2% ต่อปี ใกล้เคียงกับคอนโดมีเนียมย่านรัชดา-พระราม 9-อโศก แต่ต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ ในตัวเมือง เช่น เพลินจิต-ชิดลม ให้ผลตอบแทน 6.6% ต่อปี สีลม-สาทร ให้ผลตอบแทน 5.4% ต่อปี และสุขุมวิทช่วงต้น-กลาง ผลตอบแทน 4.8% ต่อปี”นายกณิศกล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/