‘รอง ผบ.ตร.’ สั่งตรวจเข้ม ‘เรือ’ ในภาคอุตสาหกรรมประมง ป้องกันการใช้แรงงานบังคับ-ค้ามนุษย์-ละเมิดสิทธิแรงงาน
.....................................
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ดูแลศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) นั้น ล่าสุดตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศตคม.ตร. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจเรือในภาคอุตสาหกรรมประมง สินค้าห้องเย็น และห่วงโซ่อุปทานซีฟู้ด รวมถึงเรือปลาทูน่า เพื่อป้องปรามการใช้แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ และการละเมิดสิทธิแรงงานในภาคการเดินเรือและประมงทะเลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เช่น ศตคม.ตร., กรมการจัดหางาน ,กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน, กรมเจ้าท่า, ตำรวจน้ำ ,สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ภาคประชาสังคม อาทิ Stella Maris Thailand และภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงาน ได้ร่วมดำเนินการตรวจสอบเรือสัญชาติปานามา จำนวน 2 ลำ ได้แก่ M.V. RYOMA และ SHIN HO CHUN No.102
ทั้งนี้ การตรวจครั้งนี้ครอบคลุมประเด็นสำคัญตามมาตรฐานสากล ได้แก่ การปฏิบัติตามอนุสัญญาแรงงานทางทะเล Maritime Labour Convention, 2006 (MLC, 2006), การตรวจตาม ILO Convention No.188 (Work in Fishing Convention), การคุ้มครองแรงงาน สภาพการจ้าง ค่าจ้าง และสวัสดิการ, การสัมภาษณ์ลูกเรือโดยตรง, การตรวจสภาพการทำงาน ความเป็นอยู่ ความปลอดภัย การฝึกอบรม ยาและการรักษาพยาบาล, การตรวจเอกสารการเดินเรือ เป็นต้น
โดยผลการตรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบการใช้แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ หรือการละเมิดสิทธิแรงงาน ลูกเรือได้รับค่าจ้างตรงตามกำหนด สภาพการทำงานและระบบความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายและอนุสัญญาระหว่างประเทศกำหนด ขณะเดียวกัน ในการตรวจครั้งนี้ ได้มีการมอบข้อมูล ช่องทางการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือแก่ลูกเรืออย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถติดต่อหน่วยงานของรัฐในประเทศไทยได้โดยตรง หากประสบปัญหาหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สะท้อนถึงความตั้งใจของประเทศไทยในการสร้างระบบคุ้มครองแรงงานที่เข้าถึงได้จริง
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มงวด ความจริงจัง และการบูรณาการของประเทศไทย ในการคุ้มครองแรงงานทางทะเล และเป็นการยืนยันว่า ท่าเรือและน่านน้ำภายใต้เขตอำนาจของประเทศไทย จะไม่เป็นพื้นที่ปลอดการตรวจสอบ (safe haven) สำหรับการใช้แรงงานบังคับหรือการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ ประเทศไทยยึดมั่นในหลักการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการคุ้มครองแรงงานตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ เจตจำนงของคณะทำงานทีมบูรณาการต่อการดำเนินการตาม MLC, 2006 และ ILO Convention No.188 ประเทศไทยขอยืนยันต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการยกระดับการคุ้มครองแรงงานทางทะเลและแรงงานประมง ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ภายใต้อนุสัญญา Maritime Labour Convention, 2006 (MLC, 2006) และ ILO Convention No.188 (Work in Fishing Convention)
การดำเนินการของประเทศไทยมิได้เป็นเพียงการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามข้อผูกพันระหว่างประเทศ หากแต่เป็นความตั้งใจเชิงโครงสร้างที่มุ่งแก้ไขปัญหาแรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ และการละเมิดสิทธิแรงงานในภาคการเดินเรือและประมงอย่างยั่งยืน ขณะที่การตรวจเรือและการตรวจแรงงานดังกล่าว มุ่งคุ้มครองลูกเรือในพื้นที่ปฏิบัติงาน ไม่ใช่เพียงในเชิงเอกสารหรือการรายงาน โดยเน้น 4 หัวใจสำคัญของการดำเนินงาน ได้แก่
1.การตรวจสอบสภาพการจ้าง ค่าจ้าง และสวัสดิการอย่างตรงไปตรงมา 2.การสัมภาษณ์แรงงานโดยตรง เพื่อให้เสียงของลูกเรือได้รับการรับฟัง 3.การยืนยันสิทธิในการร้องเรียนและการเข้าถึงความช่วยเหลือโดยไม่ถูกคุกคาม และ 4.การจัดให้มีช่องทางติดต่อฉุกเฉินและกลไกคุ้มครองที่แรงงานสามารถใช้ได้จริง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา