
สว.สำรองยื่นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ขอให้ สว.136 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนย้อนความตั้งแต่ลุยยื่นคดีฮั้วสว. ชี้กรณี ‘นันทนา’ โดนสอบจริยธรรมเป็นการเอาเรื่องนามธรรมมาดำเนินการ ทั้งๆที่เรื่องดำกว่ามีเยอะแยะ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 ตุลาคม ที่ศาลฎีกา ถนนราชดำเนินในพล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว พร้อมตัวแทนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สำรอง 10 คน ได้เดินทางเข้ามายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อขอให้วินิจฉัยให้ถอดถอนและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ของสว.จำนวน 136 คน
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เดินทางเข้ามายื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้เวลาค่อนข้างนานในการพิจารณาคดีการฮั้วสว.เกินกว่าที่กำหนด จากการประกาศผลเลือกตั้งเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 หลังจากนั้นก็มีการร้องคัดค้านมาหลายครั้ง รวมถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.ก็ได้แถลงในวันประกาศผลเลือกตั้งด้วยว่ามีการร้องคัดค้าน และการสอบสวนจำเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะมีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามารวบรวมหลักฐาน
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากนั้นก็มีการสอบสวนพยานคือกลุ่มสว.สำรองเรื่อยมา แต่พอไปติดตามความคืบหน้าก็ไม่มีความคืบหน้าจนกระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษยื่นมือเข้ามาดำเนินการในเรื่องคดีอั้งยี่ ฟอกเงิน และการฮั้วสว.เข้ามาให้กับทางกกต.ในช่วงเดือน ก.พ.
พล.ต.ท.คำรบกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นจึงมีการตั้งคณะสอบสวนชุดที่ 26 เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนถึงวันที่ 17 กรกฎาคม กกต.ชุดสืบสวนชุดนี้จึงส่งหลักฐานให้กับทางกกต. หลังจากนั้นกกต.ได้ดำเนินการตรวจสำนวนหลักฐานอีกประมาณ 60 วันและส่งให้คณะกรรมการกกต.ชุดใหญ่อีกครั้งจนตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยขึ้นมาอีกชุดและดำเนินการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าว่ากันตามระเบียบการไต่สวนของกกต.ที่ออกไว้และระบุว่าการดำเนินการทั้งหมดจะต้องเสร็จสิ้นช้าที่สุดภายใน 1 ปี แต่ขณะนี้เรื่องผ่านมา 1 ปี กับอีก 4 เดือนแล้ว ทางคณะสว.สำรองก็ได้มีการไปทวงถามความคืบหน้าเพื่อให้ทางกกต.ได้ชี้แจงว่ามีส่วนไหนติดขัดหรือล่าช้า แต่ทางกกต.ไม่ได้บอกอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน
แต่บอกแค่ว่ามีการดำเนินการ 4 ขั้นตอน ในกรอบเวลาของกกต. ในส่วนนี้กลุ่มสว.สำรองจึงเห็นว่ากกต.มีการยื้อเวลาเรื่องนี้แม้กระทั่งการตั้งชุดวินิจฉัยที่ผ่านมาระยะเวลา 1 เดือนเศษกลับไม่มีการประชุมหารือเรื่องนี้เลย ตนจึงสงสัยว่าจะตั้งชุดวินิจฉัยดังกล่าวเพื่อดึงเวลาหรือเร่งรัดอะไรหรือไม่ จึงมีคณะสว.สำรองอีกกลุ่มหนึ่งเดินทางไปฟ้องกกต.ในคดีอาญามาตรา 157 และมาตรา 172 ไว้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่กกต.กลับไม่ได้มีท่าทีจะเร่งรัดคดีดังกล่าวแต่อย่างใด ตนจึงมองว่ากกต.น่าจะกระทำผิดไม่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับที่กกต.กำหนดไว้เอง และกลุ่มสว.สำรองได้เห็นว่ากกต.ได้กระทำผิดจึงใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งภายใน 3 วัน และอยากเรียกร้องความเป็นธรรมและความยุติธรรมเพื่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาสั่งการไปยังกกต.ว่าให้สรุปและนำสำนวนทั้งหมดส่งมายังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งภายใน 7 วัน
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้เจตนาของการยื้อเวลาเพื่อส่งให้สว.ในสภาใช้สิทธิ์ในการเลือกหรือเห็นชอบองค์กรอิสระต่างๆ ตนและกลุ่มสว.สำรองจึงจะขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งขอให้สว.กลุ่มนั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง
ส่วนความเห็นกับการที่ ร.ศ.นันทนา นันทวโรภาส สว.ถูกกลุ่มสว.โหวตฝ่าฝืนจริยธรรมและส่งเรื่องให้กับปปช. พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ในเรื่องจริยธรรมตนมองว่าเป็นเรื่องนามธรรม บางอย่างอาจจะเป็นสีดำมากกว่า แต่อาจจะมองว่าไม่ผิดจริยธรรม แต่กรณีของ ร.ศ.นันทนา อาจจะมีสีดำจุดเล็ก ๆ ขึ้นบนสีขาว และทางกลุ่มของตนมองว่ากรณีนี้ร.ศ.นันทนาได้พยายามต่อสู้และมีเจตนารมณ์หลายอย่างที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ก่อนหน้านี้กลุ่มของตนจึงได้เข้าไปให้กำลังใจเจ้าตัว เพราะเชื่อว่า ร.ศ.นันทนา มีความสุจริตใจและต้องการหาความจริง ตนจึงหวังว่าเจ้าตัวจะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมจาก ปปช.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา