
'ดีเอสไอ' จับกุมคนขายรถนำเข้าเลี่ยงภาษี ทำรัฐสูญรายได้ 6.2 ล้านบาท มีพฤติการณ์สำแดงราคาซื้อขายรถยนต์ที่นำเข้าดังกล่าวเป็นความเท็จ ต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจว่าเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง จึงมีการคำนวณภาษีอากรสำหรับรถยนต์ดังกล่าวผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้จับกุมนายพิทยา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1072/2568 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2568 และผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2069/2568 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2568 คดีพิเศษที่ 10/2562 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณอะพาร์ตเมนต์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมากฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา รวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว และควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบสำนวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยผู้ต้องหาเป็นกรรมการบริษัทนำเข้ารถหรู รถนิสสัน สกายไลน์ เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยร่วมกันสำแดงราคาซื้อขายรถยนต์ที่นำเข้าดังกล่าวเป็นความเท็จ ต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจว่าเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง จึงมีการคำนวณภาษีอากรสำหรับรถยนต์ดังกล่าวผิดไปทำให้รัฐได้รับ ความเสียหายโดยภาษีอากรขาดรวมทั้งสิ้น จำนวน 6,257,350.83 บาท
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชา
จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา