สภาผู้บริโภคร้องกองปราบ เอาผิด OPPO - realme หลังติดตั้งแอปเงินกู้มากับตัวเครื่อง จี้บริษัทเปิดเผยผู้พัฒนาฯ ด้านผู้เสียหายเผยหลังอัปเดตซอฟแวร์พบเกมส์คล้ายพนันออนไลน์เด้งเพิ่ม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2567 นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค พร้อมผู้เสียหายหลายราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ 2 ค่ายมือถือดัง OPPO และ realme กรณีพบแอปกู้เงินเถื่อนฝังในโทรศัพท์
นายภัทรกร เปิดเผยว่า วันนี้นำผู้เสียหายจากกรณีค่ายมือถือ OPPO และ realme ติดตั้งแอปฯ ปลอมสินเชื่อดดยไม่ได้รับอนุญาต มาแจ้งความดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนสภาผู้บริโภคแล้วประมาณ 192 ราย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือความผิดต่อข้อมูลส่วนบุคคล และเรื่องของการทวงถามหนี้ที่ผิดกฎหมายที่มีการกู้ยืมเงิน โดยมีผู้เสียหายที่ทำการกู้ยืมเงินไปแล้วเกิดเป็นความเสียหายรวมประมาณ 15 ล้านบาท
“จากการที่ผู้เสียหายกู้ยืมเงินไปแล้ว มีการเปิดเผยว่ามีการชำระเงินผ่านบัญชีม้า และมีบัญชีม้าที่เป็นลักษณะนิติบุคคล และบริษัททวงถามหนี้ที่เป็นลักษณะนิติบุคคลไทย โดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงไปต่างประเทศ ซึ่งเราได้ข้อเท็จจริงว่าชื่อบริษัทที่รับชำระหนี้ให้เงินกู้ต่างๆนั้น ชื่อบริษัทแสนเปย์เป็นของคนไทย” นายภัทรกร กล่าว
นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความ กล่าวว่า ในส่วนของการที่มาแจ้งความนั้น ต้องการให้ดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่ง ซึ่งสภาผู้บริโภคมีเจตนาที่จะคุ้มครองสิทธิ และหาหนทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายรายบุคคล โดยทางเราวางแผนที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ แต่มีปรากฏในสื่อบ้างแล้วว่ามีใครบ้าง และหากไปดูจริงๆเจ้าของเครื่องหมายการค้าของแอป จะทราบว่าเป็นบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ แต่ก็มีการใช้ตัวแทนที่เป็นคนไทยในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า รวมถึงจดทะเบียนเป็นเจ้าของแอพ ซึ่งบุคคลดังกล่าวก็ต้องฟ้องดำเนินการด้วยเช่นกัน เนื่องจากแอปนี้มาจากการดำเนินการที่ทางค่ายมือถือกล่าวอ้างว่าติดตั้งมาจากโรงงาน แต่อีกนัยยะหนึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเมื่อมีการอัพเดทซอฟต์แวร์ ก็จะมีการเด้งแอปที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ขึ้นมาด้วย
“ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดำเนินคดีทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายให้กับทุกคน โดยจะมีการดำเนินคดีแบบกลุ่มเพื่อที่จะดำเนินคดีครั้งเดียว ซึ่งสิ่งที่ค่ายมือถือแถลงมายังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าจะเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร และไม่แน่ใจว่าข้อมูลต่างๆนั้นหลุดไปถึงแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์แล้วหรือยัง และ สิ่งที่เราต้องการอีกอย่างหนึ่ง คืออยากให้ OPPO ออกมาเปิดเผยว่าใครคือเจ้าของแอปเงินกู้ตัวจริง การที่ OPPO ช่วยเหลือในการปิดบังหรือไม่ให้ข้อมูลใดๆเลยเกี่ยวกับเจ้าของแอปเงินกู้ จะเข้าข่ายตัวการร่วมหรือเป็นผู้สนับสนุน เพราะตนเชื่อว่าการที่แอปเงินกู้หรือแอปที่ผิดกฎหมายเข้ามาอยู่ใน FinEasy จะต้องมีการตอบแทนกันแน่นอน เพราะคงไม่มีใครให้มาลงแอปฟรีๆ การได้ค่าตอบแทนเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือให้แอปนี้แสวงหารายได้โดยมิชอบ OPPO ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าใครคือเจ้าของแอป ดังนั้นจึงต้องให้ข้อมูลนี้ ถ้าไม่ให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคือตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการทำความผิด“ นายจิณณะ กล่าว
ด้าน นายพรวุฒิ พิพัฒนเดชศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาผู้บริโภค ระบุว่า ในส่วนนโยบาย มองว่าปัญหาเงินกู้ค่อนข้างที่จะเป็นปลายเหตุแล้ว เพราะมีการติดตั้งแอปเงินกู้และมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่ผิดกฎหมาย ซึ่งต้นเหตุคือแพลตฟอร์มที่ติดตั้งแอป อาทิ แอปสโตร์ และเพลย์สโตร์ โดยมีการติดตั้งแอปมาก่อนหน้านี้ ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในเครื่อง นอกจากนี้การติดตั้งแอปพลิเคชั่นมาตั้งแต่ที่โรงงาน ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภคอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการหักพื้นที่ความจุที่ติดตั้งแอพที่ไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ปัญหาเหล่านี้อาจจะได้รับการแก้ไขโดยที่สภาผู้บริโภคหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆจะต้องทำงานร่วมกัน
นายพรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ตนมองว่าบริษัท OPPO เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เวลาต้องการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ ในแอปพลิเคชั่นที่ประกอบธุรกิจใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ในการส่งชุดคำสั่งอัพเดทแอปพลิเคชั่นเข้าไปในมือของผู้ใช้งาน แต่สวนทางกันเมื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคหรือเยียวยาความเสียหายในการลบแอปพลิเคชั่นที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ออกไป OPPO กลับใช้เวลาหลายวัน ตามคำสัญญาที่มีการหารือไว้กับหน่วยงานรัฐ ว่าจะแก้ไขปัญหาไม่เกินวันที่ 27 ม.ค. ซึ่งตนมองว่า OPPO มีทรัพยากรจำนวนมาก แต่กลับใช้เวลานานมากเกินไป
ขณะที่ นายปฏิพล พุทธชูชาติ อายุ 31 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนได้ซื้อโทรศัพท์ OPPO Reno 11F ตั้งแต่ได้เครื่องมา เมื่อเปิดเครื่องพบว่ามีแอป FinEasy และยืมอย่างมีความสุข และเมื่ออัพเดทซอฟแวร์ กลับพบว่ามีแอพอื่นๆกว่า 10 แอป ที่เป็นเกมส์เหมือนลักษณะของการพนันออนไลน์ติดมากับตัวเครื่องด้วย ซึ่งมองว่าไม่สมควร เพราะเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะต้องติดตั้งแอปเอง ทั้งนี้แอปอื่นๆที่เป็นเกมส์ต่างๆ สามารถถอนการติดตั้งได้ แต่ตนมองว่าก็ไม่สมควรติดตั้งมาตั้งแต่แรก.