เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย-แพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ฉบับที่ 2 พ.ศ.2567 ผู้ใดจัดหา-รวบรวม-ดำเนินการทางการเงินหรือทรัพย์สิน เพื่อการก่อการร้าย-แพร่ขายอาวุธทำลายล้างสูง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี - 10 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท-2 แสนบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2567 โดยสาระสำคัญ อาทิ มาตรา 14 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมาตรา 25 และให้ใช้ข้อความว่า ผู้ใดจัดหา รวบรวม หรือดำเนินการทางการเงินหรือทรัพย์สิน หรือดำเนินการด้วยประการใด ๆ เพื่อการก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายลางสูง หรือโดยเจตนาให้เงินหรือทรัพย์สิน หรือการดำเนินการนั้นถูกนำไปใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ทั้งนี้ พ.ร.บ.นี้ มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 32 และมาตรา 37 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพ.ร.บ.นี้ เพื่อให้มาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งการตราพ.ร.บ.นี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
ดูประกาศฉบับเต็ม https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/45751.pdf
หมายเหตุ ได้ระบุท้ายพ.ร.บ.ฯดังกล่าว ถึงเหตุผลในการประกาศใช้พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ โดยที่พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2559 กำหนดองค์ประกอบความผิดฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงครอบคลุมถึงการทำธุรกรรมเล็กน้อย หรือการดำเนินกิจกรรมทางการเงินซึ่งเป็นปกติทางการค้า หรือมีเหตุอันสมควรและมีโทษทางอาญา อันเป็นจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ประกอบกับการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการและบทกำหนดโทษบางประการยังไม่เหมาะสมกับการกระทำความผิด
นอกจากนี้หน้าที่และอำนาจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการรวบรวมหลักฐานและการดำเนินคดียังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยมีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล จึงจำเป็นต้องตราพ.ร.บ.นี้