ตำรวจ ปคม. รวบหัวหน้าแก๊งค้าแรงงานมนุษย์ ลอบขนโรฮิงญา ตายคารถตู้ 3 ศพ พบเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท จ่อขยายผลหัวหน้าใหญ่ในไทย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2567 พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.) เปิดเผยว่า นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาการค้ามนุษย์ข้ามชาติ 3 คน ประกอบด้วย นายสมเกียรติ หรือบังกอล์ฟ สำเภาทอง อายุ 30 ปี นายณัฐวุฒิ หรือนัท เนียมหอม อายุ 20 ปี นายพงษ์พิศณุ หรือไอซ์ เกตุเหล็ก อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ลงวันที่ 30 ต.ค. 2467 ข้อหา “ร่วมกันช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นการจับกุม” โดยจับกุมทั้งหมดได้ในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ กทม. เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวต่อว่า สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ 2 คน ใช้รถกระบะตู้ทึบลักลอบขนชาวโรฮีนจาเข้าเมืองผิดกฎหมายมาปล่อยทิ้งไว้ จำนวน 26 คน ในพื้นที่ ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร หลังพบว่ามีบางส่วนเริ่มขาดอากาศหายใจ เนื่องจากภายในรถไม่มีช่องระบายกากาศ และในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิต 3 คน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. ได้สืบสวนขยายผลทราบว่า นายสมเกียรติ เป็นหัวหน้าแก๊งคอยรับงานมาจากนายทุนชาวไทย ก่อนสั่งการให้สมุนร่วมขบวนการทำหน้าที่รับชาวโรฮีนจากย่านร่มเกล้า กรุงเทพฯ ไปส่งยังพื้นที่ภาคใต้เพื่อหลบหนีเข้าไปในประเทศมาเลเซีย แต่มาเกิดเหตุสลดในพื้นที่ จ.ชุมพร เสียก่อน จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ
กระทั่งเมื่อนายสมเกียรติ ทราบว่าลูกน้องถูกตำรวจจับกุมก็ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ มีพื้นที่แนวเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งยากในการติดตามตัว แต่ทางชุดสืบสวน บก.ปคม. ได้ติดตามสืบสวนจนพบตัว และเข้าควบคุมตัวคาเพิงพักกลางสวนทุเรียน
สอบสวน นายสมเกียรติ รับสารภาพว่าได้ค่าดำเนินการหัวละกว่า 3,000 บาท และจ้างรุ่นน้องที่เคยขับรถตู้ทึบด้วยกัน วันละ 500-1,000 บาท เพื่อช่วยเหลือในการหาโรงแรมรายวัน เพื่อจัดเตรียมที่พักให้กลุ่มคนต่างด้าวโรฮีนจา อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาหลายสิบล้านบาท จึงนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวด้วยว่า คนร้ายขบวนการนี้เป็นขบวนใหญ่และสำคัญในการพาชาวโรฮีนจาเข้าเมืองไทยเพื่อลงใต้ไปค้าแรงงานที่มาเลเซีย ขณะนี้กำลังสืบสวนขยายผลต่อ เพราะพบว่าทีนายทุนไทยที่อยู่เบื้องหลังอีก และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วยก็จะดำเนินการจับกุมด้วยเช่นกัน.