สภาผู้บริโภค ยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่ม 'มือถือซัมซุงจอขึ้นเส้น' แจ้งผู้เสียหายที่เจอปัญหา ร่วมร้องเรียนเพื่อพิทักษ์สิทธิของตัวเอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า จากเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภคกว่าร้อยรายที่พบปัญหาหน้าจอโทรศัพท์เกิดเส้นสีเขียวหรือสีชมพู ในบางรายมีอาการเครื่องร้อนผิดปกติหรือหน้าจอดับร่วมด้วยหลังอัปเดตระบบปฏิบัติการเวอร์ชันวัน ยูไอ (One UI) นั้น
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2567 นายโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค กล่าวว่า หลังจากสภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนหน้าจอโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง ชุดรุ่นซัมซุง กาแล็กซี (Samsung Galaxy) ได้แก่ รุ่น Samsung Galaxy Note 20 Ultra, Samsung Galaxy S20+, Samsung Galaxy S21 FE, Galaxy S24 Ultra, Samsung GalaxyS21, Samsung Galaxy S21FE, Samsung Galaxy S21 S22 Ultra, Samsung Galaxy S22 Ultra เกิดอาการจอขึ้นเส้นสีเขียวหรือสีชมพู รวมถึงมีอาการเครื่องร้อนผิดปกติหรือหน้าจอดับในบางราย หลังจากอัปเดตซอฟต์แวร์ เมื่อผู้บริโภคติดต่อไปยังศูนย์บริการของซัมซุง ได้รับคำตอบว่าอาจเกิดจากเครื่องหมดประกันหรือได้รับคำตอบว่าอาจทำเครื่องตกหล่นหรือเครื่องเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานและต้องส่งซ่อม โดยผู้บริโภคต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายประมาณ 7,000 - 15,000 บาท
นายโสภณ กล่าวอีกว่า การที่มีผู้บริโภคจำนวนมากพบอาการจอขึ้นเส้นพร้อมๆกัน และไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้เต็มประสิทธิภาพจนทำให้เสียโอกาสในการใช้งาน รวมถึงยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทั้งที่ไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย บริษัทฯ ควรแสดงความรับผิดชอบเพื่อเยียวยาผู้บริโภค การที่บริษัทฯ ปฏิเสธไม่แก้ไขหรือชดเชยความเสียหายให้ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจำนวนมากเข้าข่ายละเมิดสิทธิผู้บริโภคในการที่จะได้รับการชดเชยเยียวยาเมื่อพบสินค้าที่ชำรุดบกพร่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคได้ส่งหนังสือขอให้บริษัทชี้แจงและแก้ไขปัญหา แต่ไม่ได้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงตัดสินใจดำเนินคดีแทนผู้บริโภค
นายโสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้บริโภคที่เห็นว่าตนเจอปัญหาลักษณะเดียวกัน สามารถใช้สิทธิร้องเรียนมาได้ที่สภาผู้บริโภค เนื่องจากสภาผู้บริโภคจะมีการรวบรวมข้อมูลผู้เสียหาย เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม ตลอดจนรายงานผลการดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกกลุ่มทราบอย่างต่อเนื่อง และหากภายหลังศาลรับพิจารณาคดีแบบกลุ่มแล้ว รวมถึงได้ตัดสินผลคดี สภาผู้บริโภคจะมีการแจ้งไปยังผู้บริโภคเพื่อจะได้ใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายกรณีดังกล่าวจะต้องจัดเตรียมหลักฐานเพื่อประกอบการร้องเรียน ดังนี้
1. ภาพถ่ายหน้าจอมือถือที่มีอาการหน้าจอขึ้นเส้น
2. ข้อมูลโทรศัพท์ที่มีรายละเอียดเครื่อง เช่น เลข EMI เครื่อง เลข Serial Number เวอร์ชั่นของโทรศัพท์
3. หลักฐานอื่น ๆ ที่มี พร้อมสำเนาบัตรประชาชน
และสามารถร้องเรียนออนไลน์มาที่เว็บไซต์สภาผู้บริโภค www.tcc.or.th หรือ สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502
ด้าน นางสาวภาณิศา นุชลำยอง ทนายความผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว ระบุว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคจึงร่วมกับตัวแทนผู้เสียหายยื่นฟ้องบริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด (ประเทศเกาหลีใต้) และ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด (ประเทศไทย) ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ. 551/2567 และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก และหากผลคดีออกมาแล้วจะทำให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายในลักษณะเดียวกันได้รับการชดเชยเยียวยาทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินคดีแบบกลุ่มนั้นจะทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายได้รับประโยชน์ ได้แก่
1. ลดต้นทุนในการดำเนินคดี ที่ช่วยให้ผู้เสียหายหลายคนสามารถรวมกลุ่มกันฟ้องคดีเดียวกัน ทำให้ต้นทุนในการดำเนินคดีลดลงเมื่อเทียบกับการฟ้องคดีแยกเป็นรายบุคคล
2. เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดี จากการรวมตัวของผู้เสียหายหลายคนในคดีเดียวช่วยให้ศาลสามารถพิจารณาเรื่องได้อย่างเป็นระบบ ไม่เสียเวลาพิจารณาคดีซ้ำหลายครั้งในประเด็นเดียวกัน
3. ความเท่าเทียมในการชดเชย ที่จะทำให้ผู้เสียหายที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้รับการชดเชยอย่างเท่าเทียม โดยไม่ต้องพึ่งพาแต่ความสามารถทางการเงินของแต่ละคนในการฟ้องร้อง
4. เพิ่มความเข้มแข็งในการต่อสู้ทางกฎหมาย ซึ่งการรวมกลุ่มผู้เสียหายหลายคนทำให้คดีมีน้ำหนักมากขึ้น ผู้ประกอบการหรือองค์กรที่ถูกฟ้องจะต้องเผชิญกับการเรียกร้องที่เป็นระบบและมีจำนวนมาก จึงมีโอกาสที่จะประนีประนอม หรือถูกบังคับให้เปลี่ยนพฤติกรรมไม่เป็นธรรม
5. สนับสนุนความเป็นธรรมทางสังคม ช่วยสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะเมื่อผู้บริโภคที่เสียหายไม่สามารถต่อสู้คดีเพียงลำพังได้ การฟ้องคดีกลุ่มทำให้ผู้บริโภคทุกคนได้รับความยุติธรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ ศาลได้กำหนดนัดไต่สวนคดีแบบกลุ่มในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 13.30 น. จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคร่วมติดตามคดีนี้