สธ.หารือ กทม. สร้างความร่วมมือและเชื่อมโยงระบบบริการในสถานพยาบาลพื้นที่ กทม. ผ่าน 2 ระบบ Digital Health Platform รองรับการขับเคลื่อน 30 บาทรักษาทุกที่ หลังเชื่อมโยงประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศแล้วกว่า 9 พันแห่ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานนว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2567 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ.ได้มอบหมายให้ตน พร้อมด้วย นพ.สุรัคเมธ มหาศิริมงคล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีและการสื่อสาร นพ.ศุภฤกษ์ ถวิลลาภ รองผู้อำนวยการสำนักสุขภาพดิจิทัล และคณะทำงาน สำนักสุขภาพดิจิทัล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เข้าพบและหารือร่วมกับ รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. รศ.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม และ นพ.ธนกฤต จินตวร รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ น.ส.น้ำฝน ประโพธิ์ศรี ผู้อำนวยการโครงการ Health Link สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และคณะทำงาน เพื่อหารือเรื่องความร่วมมือและการเชื่อมโยงระบบบริการประชาชนในสถานพยาบาลพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่สำนักการแพทย์ กทม.
นพ.พงศธร กล่าวว่า สธ.ได้ขับเคลื่อนระบบสุขภาพดิจิทัล ภายใต้กรอบนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล มีการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยบริการและเชื่อมต่อประชาชนผ่านดิจิทัล เฮลท์ แพลตฟอร์ม (Digital Health Platform) ของ สธ.(ระบบหมอพร้อม) ทั่วประเทศ กว่า 60 ล้านคน สามารถเชื่อมโยงข้อมูลประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ในหน่วยบริการทั้งรัฐและเอกชน กว่า 9,600 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การยืนยันตัวตนของผู้รับและผู้ให้บริการตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และการกำกับดูแลของคณะกรรมการธรรมาภิบาลข้อมูลสุขภาพ สธ.
นพ.พงศธร กล่าวว่า ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนแนวคิดในการดำเนินงานเพื่อประโยชน์ที่ต่อเนื่องและการบริการประชาชนในกรุงเทพฯ ตามนโยบายของรัฐบาล โดย สธ.ได้แจ้งว่ายินดีให้หน่วยงานของ กทม.ร่วมใช้ดิจิทัล เฮลท์ แพลตฟอร์ม ของ สธ. ซึ่งจะเป็นการเชื่อมระบบและข้อมูลโดยตรงระหว่างสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ กับหน่วยบริการทั่วประเทศ
“โดยสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการหารือ และในกรณีที่ กทม.ประสงค์ใช้ระบบอื่น สธ.ก็ไม่ขัดข้อง โดยขอให้ระบบที่ใช้ดำเนินการภายใต้กรอบคณะกรรมการธรรมาภิบาลข้อมูลและผ่านการทดสอบความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามมาตรฐานของ สธ.เพื่อความปลอดภัยของระบบข้อมูลสุขภาพประชาชนทั่วประเทศ” นพ.พงศธร กล่า
นพ.พงศธร กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้เห็นชอบ หาก กทม.เลือกใช้แพลตฟอร์มอื่นนอกเหนือจากของ สธ. จะจัดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการทำงานร่วมกันระหว่าง กทม.และ สธ. โดยมีองค์ประกอบ ได้แก่ กทม., สธ., สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่, สปสช. และบุคลากรนอกหน่วยงาน และจัดตั้งเป็นอนุกรรมการย่อย 2 ส่วน ได้แก่ อนุกรรมการด้านธรรมาภิบาลข้อมูล และอนุกรรมการด้านเทคนิคเชิงระบบและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้เกิดระบบบริการสาธารณสุขที่ปลอดภัย ได้มาตรฐานในระดับเดียวกัน สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั่วประเทศ