ตัวแทนชาวบ้าน 5 อำเภอ โคราช-ปราจีนฯ ร้องสอบสวนกลาง ตรวจสอบเจ้าหน้าที่อุทยานให้ข่าวบิดเบือน กรณีอุทยานทับลาประกาศแนวทับซ้อนสิทธิ ปชช.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 10.30 น. ตัวแทนชาวบ้าน 5 อำเภอ ที่ประกอบด้วย อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง อำเภอปักธงชัย อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ได้มายื่นหนังสือ ถึงผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ตรวจสอบ การกระทำของเจ้าหน้าที่อุทยานที่ให้ข่าวบิดเบือน กรณีอุทยานแห่งชาติทับลานประกาศทับซ้อนแนวเขตเอกสารสิทธิ์ของราษฎร
นายสมบูรณ์ สิงห์กิ่ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว เปิดเผยว่า ตัวแทนชาวบ้านใรพื้นที่ จาก 5 อำเภอ มายื่นหนัฃสือถึง ผบช.ก. เนื่องจากการให้ข่าวของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นการบิดเบือนและไม่ให้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและจากการฟังความคิดเห็นมาตรา 8 ของกฎหมายอุทยานฯ ปรากฏว่าการให้ข้อมูลกับทางสังคมให้ข้อมูลไม่ครบเราจึงมายื่น ให้สืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่าขั้นตอนการดำเนินการถูกต้องตามระเบียบข้อปฏิบัติและกฎหมายหรือไม่ ในฐานะที่มีมติครม. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่จะให้กันพื้นที่ชาวบ้านออกจากแนวเขตอุทยาน ของปี 2543
ซึ่งที่ผ่านมา ชาวบ้านยืนยันแนวเขตแล้ว กรมป่าไม้ได้ประชุมที่จะกันพื้นที่ออกตั้งแต่ปี 2545 และมีหนังสือของกรมอุทยานฯ ไปถึงกรรมการมรดกโลกว่าจะกันพื้นที่ตามแนวปี 2543 ให้เสร็จสิ้น ภายในปี 2550 และมติครมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ให้กันพื้นที่ออก ตรงนี้ถือว่ากระบวนการทางนโยบายได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน แต่ปรากฏว่ากรมอุทยานฯ กลับมาให้ข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริงซึ่งกระบวนการต่างๆได้ทำมาจนเสร็จสิ้นหมดแล้ว แต่กลับมาชี้นำสังคมให้เข้าใจผิดคิดว่าพื้นที่ 260,000 ไร่ ที่จะกันออกเป็นพื้นที่ป่าแต่ที่จริงแล้วเป็นพื้นที่ของชาวบ้านและมีพื้นที่ทับซ้อน ทั้งของสปก ทับซ้อนที่ดินประเภทอื่นๆอีกมากมาย
นายสมบูรณ์ ย้ำว่า ชาวบ้านพื้นที่รอความคาดหวังมา ตั้งแต่ปี 2543 เพื่อจะกันพื้นที่ออกซึ่งการให้ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเอาข้อมูลบางส่วนที่เป็นจุดอ่อนของพื้นที่ที่มีการดำเนินคดีไปแล้ว แต่เป็นส่วนน้อย 97 หมู่บ้านใน 15 ตำบล มีชาวบ้านอยู่สี่หมื่นกว่าคนไม่พูดถึง และมีพื้นที่โฉนดที่ถูกทับซ้อนอยู่เกือบ 1,000 แปลงไม่พูดถึง ชาวบ้านไม่รู้ว่าระบบกฎหมายของประเทศไทย และพื้นที่อุทยานฯ มาทับซ้อนอยู่กับชุมชนมานานกว่า 40 ปีทำให้ชาวบ้านเสียสิทธิ์ และยังมาให้ข่าวในการที่จะบอกว่าพื้นที่เหล่านี้ มีป่าและเอาภาพข่าวของที่อื่นเป็นรูปช้างรูปกระทิงมาออกข่าวเป็นการชี้นำไม่ตรงกับข้อเท็จจริง