'ทรัมป์' ประกาศกลางเวทีสุนทรพจน์ ลั่นสหรัฐฯเข้าสู่ยุคทองแล้ว จ่อขึ้นภาษีต่างชาติเสริมสร้างความมั่งคั่งพลเมืองสหรัฐฯ เตรียมยกเลิกกฎหมายรถไฟฟ้า เพิ่มการผลิตน้ำมันในประเทศ ตั้งเป้าส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคาร โวเจ้าตัวมีบทบาทเจรจาหยุดยิงที่กาซา ยืนยันต้องการเป็นผู้รักษาสันติภาพ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลาเที่ยงวันของวันที่ 20 ม.ค.ตามเวลาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับนายนาย เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยพิธีสาบานตนครั้งนี้จัดขึ้นที่อาคารรัฐสภา เนื่องจากคณะกรรมการจัดพิธีเห็นว่าเสภาพอากาศหนาวเย็นจนอาจเป็นอันตรายต่อผู้เข้าร่วมงาน
โดยสำนักข่าวเอพีและสำนักข่าวต่างประเทศอื่นๆได้มีการสรุปสุนทรพจน์ของนายทรัมป์ระบุถึงคํามั่นสัญญาครั้งใหญ่ของความสําเร็จระดับชาติจะเกิดขึ้นได้เนื่องจากความเป็นผู้นําของเขา
“ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้ว” นายทรัมป์กล่าวหลังจากพยักหน้าต่อต่ออดีตประธานาธิบดีและบุคคลสําคัญอื่น ๆ และกล่าวต่อไปว่า "จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้น" ประเทศที่ "ยิ่งใหญ่ แข็งแกร่ง และพิเศษกว่าที่เคยเป็นมา
“อธิปไตยของเราจะถูกเรียกคืน ความปลอดภัยของเราจะได้รับการฟื้นฟู ตราชั่งของความยุติธรรมจะได้รับการปรับสมดุล สิ่งสําคัญที่สุดของเราคือการสร้างประเทศที่ภาคภูมิใจ เจริญรุ่งเรือง และเป็นอิสระ” นายทรัมป์กล่าว โดยคาดกันว่าเขากำลังสืบทอดสิ่งที่ได้ดำเนินการมาตลอดในช่วงการหาเสียงการเลือกตั้ง 2567 ซึ่งตอนนั้นเขาเรียกสหรัฐฯว่าเป็นประเทศที่ล้มเหลว
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า “อเมริกาจะกลับมามีสถานะที่ชอบธรรมอีกครั้งในฐานะประเทศที่ยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดในโลก ซึ่งจะสร้างความเกรงขามและชื่นชมให้กับคนทั้งโลก ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา”
นายทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะส่งกองกําลังไปยังชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก เพิ่มการผลิตน้ำมันภายในประเทศ และดำเนินการเก็บภาษีโดยเฉพาะภาษีต่างชาติเพื่อ "ทําให้พลเมืองของเราร่ำรวย"
นายทรัมป์กล่าวว่าบุคคลที่เป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในช่วงตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถและทุจริต และกล่าวว่า “ตอนนี้เรามีรัฐบาลที่ไม่สามารถจัดการได้แม้กระทั่งวิกฤตธรรมดาๆ ในประเทศ ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญเหตุการณ์ภัยพิบัติในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง”
ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังได้กล่าวต่อไปถึงภัยพิบัติธรรมชาติที่สหรัฐฯ เผชิญ ทั้งเฮอริเคนในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สถานการณ์เกี่ยวกับไฟป่าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยกล่าวว่า ไฟตอนนี้กำลังโหมกระหน่ำไปทั่วบ้านและชุมชน แม้กระทั่งส่งผลกระทบต่อบุคคลที่ร่ำรวยและมีอํานาจมากที่สุดในประเทศของเรา ซึ่งบางคนกําลังนั่งอยู่ที่นี่ในขณะนี้ พวกเขาไม่มีบ้านอีกต่อไป นั่นน่าสนใจ แต่เราไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ ทุกคนไม่สามารถทําอะไรกับมันได้ นั่นกําลังจะเปลี่ยนไป”
นายทรัมป์กล่าวอีกว่ารัฐบาลปัจจุบันปกป้องผู้อพยพที่เป็นอันตรายแทนที่จะเป็นพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปกป้องพรมแดนต่างประเทศโดยเสียค่าใช้จ่ายจากภายในพรมแดนอเมริกาและ "ไม่สามารถให้บริการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นได้อีกต่อไปในยามฉุกเฉิน ดังนั้นทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนี้และจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว"
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังได้กล่าวถึงความพยายามที่จะทำร้ายตัวเขาทั้งการใช้ข้อกฎหมายสร้างข้อกล่าวหาเพื่อหวังเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง ความพยายามที่จะใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นอาวุธ รวมไปถึงกรณีความพยายามลอบสังหารเขาที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว
"การเดินทางเพื่อทวงคืนสาธารณรัฐของเราไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ที่ต้องการหยุดอุดมการณ์ของเราพยายามที่จะพรากอิสรภาพของผมและเอาชีวิตของฉันไป" นายทรัมป์กล่าวและกล่าวต่อไปว่า “แต่ตัวผมก็รอดชีวิตด้วยการช่วยเหลือจากพระเจ้า เพื่อทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง”
นายทรัมป์ยังได้กล่าวถึงคำมั่นที่จะหยุดสงครามในต่างแดน และยกตัวเองว่ามีบทบาทในการช่วยเหลือข้อตกลงหยุดยิงที่ฉนวนกาซา
“การเป็นผู้สร้างสันติภาพและการเป็นผู้ที่นำผู้คนให้มาอยู่รวมกัน นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการเป็น” นายทรัมป์กล่าว
ต่อมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังกล่าวยืนยันว่าคลองปานามากลับคืนมาจากปานามา
"เรากําลังเอามันกลับมา!" ทรัมป์กล่าวและกล่าวให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายที่จะ "ขยายอาณาเขตของเรา" และส่งนักบินอวกาศของสหรัฐฯ ขึ้นไปบนดาวอังคาร
สำหรับในด้านพลังงาน นายทรัมป์กล่าวว่าในวันแรกของการทำหน้าที่ เขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานทั่วประเทศ โดยส่วนหนึ่งของแผนงานบริหารของเขาก็คือการเพิ่มการผลิตพลังงานภายในประเทศ จะมีการออกคําสั่งมุ่งเน้นไปที่การปลดล็อกทรัพยากรของอลาสก้า ตลอดจนยุติสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทําเนียบขาวของทรัมป์เรียกว่า "กฎหมายเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า"
“ภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติจะ ปลดล็อกหน่วยงานต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถเริ่มลงหลักครั้งใหม่ได้อย่างรวดเร็วเพื่อผลิตทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น” นายทรัมป์กล่าวย้ำเพื่อแสดงจุดยืนต้านการหนุนรถพลังงานไฟฟ้าและจุดยืนที่ว่าสหรัฐฯ จําเป็นต้องเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซแบบดั้งเดิมเพื่อลดราคาพลังงานสําหรับชาวอเมริกัน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวต่อถึงความต้องการเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซในประเทศเพื่อลดราคาสําหรับผู้บริโภคในสหรัฐฯ ราคาพลังงานมีอิทธิพลต่อทุกส่วนของเศรษฐกิจ ตั้งแต่ราคาที่ผู้บริโภคจ่ายที่ปั๊มไปจนถึงต้นทุนของสินค้าที่ต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิต
นายทรัมป์กล่าวอีกว่าจะวางแผนลงนามในบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับภาวะอัตราเงินเฟ้อ โดยตั้งข้อสังเกตุว่าราคาสินค้าที่สูงขึ้นนั้นมีการวางแผนภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
นายทรัมป์กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลของเขาจะทำงานเพื่อแก้ไขทุกวิกฤติด้วยเกียรติ, อำนาจ และความเข้มแข็ง และจะนำความรุ่งโรจน์กลับคืนสู่ประชาชนทุกเชื้อชาติและศาสนา
“20 มกราคม 2568 คือวันแห่งการปลดปล่อย” นายทรัมป์กล่าวและกล่าวขอบคุณชุมชนชาวอิสแปนิกและคนผิวสีที่มอบความรักและความเชื่อใจให้แก่เขา และขอยืนยันว่าเขาได้ยินเสียงของคนเหล่านี้ในการหาเสียง และตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกัน
นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า วันที่ 20 ม.ค.คือวัน มาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมือง และ “เราจะบากบั่นเพื่อทำให้ความฝันของเขาเป็นความจริง”