'เศรษฐา' เยือนตำรวจสอบสวนกลางให้นโยบาย ชื่นชมการทำงาน พร้อมสนับสนุนทุกภารกิจ ขอเพียงแต่บอกมา ชี้ไม่ยอมให้ใครเอาชื่อไปแอบอ้าง ทุกอย่างว่าไปตามกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมศูนย์ REAL TIME CRIME CENTER (RTCC) ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมอาชญากรรมแบบเรียลไทม์ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน ก่อนกล่าวมอบนโยบาย ว่า ขอชื่นชมขอบเขตการทำงานและความซื่อสัตย์สุจริต ที่ทำงานเป็นมืออาชีพ และไม่สะทกสะท้าน ต่อการที่มาขอร้องอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หลายหน่วยงานอาจจะมาเบียดเบียน หรือขอร้อง แต่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตนมั่นใจและติดตามมาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ เป็นหน่วยงานที่ยึดมั่นในหลักการ รวมถึงเรื่องของ National CCTV เป็นเรื่องที่เราดูอยู่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่มากพอสมควร ครอบคลุมในหลายมิติ
นายกฯ กล่าวต่อว่า อยากขอให้นโยบายหากทาง CIB คิดว่าสามารถเริ่มได้ก็เริ่มของตัวเองไปก่อน หรือจะไปร่วมกับหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม หรือกทม. ซึ่งยังไม่เกิด ก็จะใช้แค่กรุงเทพฯก่อน รัฐบาลยินดีสนับสนุนเรื่องงบประมาณ จะเป็นการควบรวมกับทุกหน่วยงานเข้ามา ทำให้ข้อมูลเราฉับพลันรวดเร็วและสามารถติดตามผู้ก่ออาชญากรรมได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งหน่วยงานนี้มีความคล่องตัว และเป็นหน่วยงานเป็นมืออาชีพเป็นกลาง เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอดเรื่องนี้สำคัญ
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า เรื่องหลักๆที่ได้รับทราบมา ขอชื่นชมและยินดีที่ได้มาในวันนี้ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถือว่าเป็นหน่วยงานที่สามารถดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง มืออาชีพ ซื่อสัตย์สุจริต ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ส่วนปัญหาประเทศชาติเกี่ยวกับอาชญากรรมทั้งหลาย เชื่อว่าพวกท่านรู้อยู่แล้วมีการพัฒนาโดยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตนได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการในหลายวาระที่เจอกัน ทราบกันดีมีการส่งคนไปเทรนและศึกษาเรื่องยุทโธปกรณ์ระบบงานต่างๆ จึงอยากขอให้ดำรงไว้ซึ่งการพัฒนาต่อไป ในแง่ของบุคลากร 8,000 คนมีคุณภาพอยู่แล้ว
@ยันใครอ้างชื่อ ไม่ยอม ทุกอย่างไปตามกฎหมาย
“แน่นอนเรื่องที่เราไม่ค่อยอยากจะพูดกัน แต่ผมต้องพูด แรงกดดันทางด้านการเมือง หรือการที่จะมาก้าวก่าย ผมในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้ผมไม่ยอม ต้องยืนยันต่อหน้าพี่น้องสื่อมวลชน ดคีต่างๆหรือโปรไฟล์ที่มีการนำเสนอมา ผมเชื่อว่ามีการก้าวก่ายเยอะ แต่ผมขอเป็นกำลังใจและยืนยันตรงนี้ต่อหน้าพี่น้องสื่อมวลชน ถ้ามีการเอาชื่อของผมไปอ้าง หรือชื่อการเมืองมาอ้าง ผมไม่ยอม ทุกอย่างว่าการไปตามหลักกฎหมาย ดำเนินการให้ถึงที่สุด ขอให้เป็นองค์กรที่เป็นตัวอย่างที่ดี” นายเศรษฐา กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปเยอะ อย่าตั้งบนความประมาท เพราะหน่วยงานดูแลการปราบปรามปัจจุบันต้องดูแลตัวเอง อยากให้ผู้บังคับการหน่วยทั้งหลายกำชับลูกน้องเรื่องยุทโธปกรณ์ต่างๆต้องพร้อม โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามยาเสพติด เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล เราเข้มงวดขึ้นเยอะ ฉะนั้นเรื่องความรุนแรงก็จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ ตนได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการต่างๆในหลายวง เรื่องยุทโธปกรณ์เน้นอย่าประมาท เพราะมีการสูญเสีย ไปบ้างแล้วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาจจะบอกว่าเกิดจากความประมาทก็ว่าได้ ฉะนั้นอย่าชะล่าใจ ใครๆก็จัดเต็มมาเต็มเหมือนกัน
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนโยบายหลักรัฐบาลต้องขอบคุณหน่วยงานที่สนับสนุนมาโดยตลอด เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ได้มีการเปิดให้มีการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเลต คนเข้ามาในเวลา 06.00 น. ของวันเดียวกันนี้เกือบ 20 ล้านคนแล้ว แน่นอนมีเว็บปลอมเว็บเถื่อนอะไรมา ฝากด้วยให้ดูแลช่วยกันกระจายข่าว ซึ่งท่านมีการสื่อสารอย่างเป็นเลิศ เป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับมีการสื่อสารดี ทั้ง Social Media ถือเป็นเรื่องที่ดี การที่เราทำงานและมีผลงานเยอะ และไปพูดจาก็ไม่ได้ถือเป็นการโอ้อวด แต่เป็นการเผยแพร่ให้พี่น้องประชาชนทราบ จะได้มีการข่าวที่ดี เป็นผนังที่พิงให้พวกท่านสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
ส่วนเรื่องออนไลน์สแกมเมอร์ก็เป็นอีกเรื่องที่การไปตัดสายเคเบิ้ลต่างๆ ซึ่งการจะเอาผิดหรือตัดออกไปเป็นเรื่องยากขึ้นทุกวัน ฉะนั้นการพัฒนาความรู้บุคลากรเทคโนโลยีอย่างที่ตนบอกเปิดเรื่องที่สำคัญ รัฐบาลยินดีให้การสนับสนุน ทุกๆเรื่อง ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่เน้นย้ำอีกครั้งให้แน่วแน่ในความเป็นมืออาชีพเป็นกลาง อย่าให้ใครเข้ามาแทรกแซงตรงนี้ได้ รัฐบาลนี้ไม่ยอมเด็ดขาด และยินดีที่จะเป็นที่พึ่งของพวกท่าน หากท่านถูกเบียดเบียน ขอบคุณที่ช่วยดูแลประชาชนอย่างเป็นกลาง