ปธ.ศาลฎีกาออกประกาศ 5 ข้อ แนะนำ ขรก.ตุลาการใช้งานโซเชียลมีเดียต้องไม่กระทบภาพลักษณ์ ห้ามเผยแพร่รายละเอียดคดีที่กำลังพิจารณา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ทีผ่านมา ประธานศาลฎีกาได้ออกเอกสารเผยแพร่คำแนะนำการใช้งานโซเชียลมีเดียให้กับข้าราชการตุลาการจำนวน 5 ข้อด้วยกัน โดยสาระสำคัญของเอกสารนั้นเน้นย้ำให้ข้าราชการตุลาการใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง อย่าให้กระทบกับความเป็นกลางและภาพลักษ์ของข้าราชการตุลาการ และงดการให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับคดีที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา โดยรายละเอียดเอกสารระบุดังนี้
ด้วยในปัจจุบันการใช้สื่อสังคมออนไลน์สามารถเผยแพร่ข้อมูลและความคิดเห็นต่าง ๆออกสู่สาธารณชนไปในวงกว้างได้โดยง่ายและเป็นไปอย่างรวดเร็ว การใช้สื่อสังคมออนไลน์ของข้าราชการตุลาการ จึงอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อศาลยุติธรรมรวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตุลาการในการพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นธรรมและปราศจากอคติทั้งปวงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เพื่อให้การดำรงตนในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของข้าราชการตุลาการเป็นไปด้วยความสุภาพ สำรวมและเหมาะสม อยู่ภายใต้กรอบของศีลธรรม จริยธรรม และประเพณีอันดีงามของตุลาการ ไม่กระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนและการพิจารณาพิพากษาคดี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 ประธานศาลฎีกาจึงออกคำแนะนำไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ข้าราชการตุลาการพึงใช้สื่อสังคมออนไลน์ด้วยความระมัดระวัง มีความสุภาพสำรวมกิริยามารยาท ยึดถือจริยธรรม และประเพณีอันดีงามของตุลาการ งดเว้นการใช้ถ้อยคำหยาบคายการโต้เถียง การดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทผู้อื่น การใช้ข้อความ การลงภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการกระทำใดที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมหรือความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนต่อศาลยุติธรรมหรือที่ฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อ 2 ข้าราชการตุลาการพึงงดเว้นการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในเวลาราชการ อันอาจจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจได้ว่าไม่อุทิศเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ราชการ
ข้อ 3 ข้าราชการตุลาการพึงงดเว้นการแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ การเผยแพร่ข้อมูล ตลอดจนการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะไม่เหมาะสม ดังเช่น
3.1 การเผยแพร่ข้อความ เสียง ภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวของตนเองหรือของบุคคลอื่นที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีในห้องพิจารณาหรือที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่เวรปฏิบัติการต่าง ๆ
3.2 การเผยแพร่ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวในขณะสวมเสื้อครุยข้าราชการตุลาการในลักษณะที่ไม่สำรวม ซึ่งอาจกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน
3.3 การให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคู่ความ ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานใด ๆ ของคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา รวมถึงการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่อาจจะเข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาล เว้นแต่เป็นการดำเนินการของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้รับผิดชอบในราชการของศาล ตามกฎหมายหรือระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยการให้ข่าวและบริการข่าวสารของศาลยุติธรรม
3.4 การแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ การเผยแพร่ข้อมูลอันอาจสร้างความแตกแยกทางความคิดหรือความเกลียดชังของบุคคลในสังคม หรืออาจกระทบต่อความเป็นกลาง ภาพลักษณ์ และความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน รวมทั้งในลักษณะที่แสดงออกซี่งอคติหรือจุดยืนทางการเมือง
3.5 การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่เป็นการโอ้อวดถึงการปฏิบัติหน้าที่ หรือตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือที่นำไปสู่ผลประโยชน์ทางการค้า
ข้อ 4 ข้าราชการตุลาการพึงระมัดระวังมิให้บุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นใช้หรืออ้างถึงตำแหน่งหน้าที่ของตนในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือประโยชน์ส่วนตนหรือของบุคคลที่สาม
ข้อ 5 ข้าราชการตุลาการซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชี (admin) ของกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์พึงดูแลมิให้มีการกระทำการตามข้อ 1 ถึงข้อ 3 ในกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์ที่ตนดูแล
ให้ไว้ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567