นายกฯปาฐกถาเปิดหลักสูตร ‘วปอ.บอ.’ เตือนผู้เข้าอบรมที่มาจากหลายวงการ ระวังการแสดงออกผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะถูกประชาชนจับตามอง ก่อนย้ำเรื่องเมียนมา ไทยเป็นกลาง ส่วนเศรษฐกิจ ‘แลนด์บริดจ์’ คืออาวุธสำคัญ ส่วนทหารเกณฑ์จะปรับลดแน่นอน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 9 เมษายน 2567 เวลา 14.00 น. ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของผู้นำในอนาคตในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ”
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หลักสูตร วปอ. บอ. เป็นหลักสูตรที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาประเทศในอนาคต สำหรับที่ 1 นี้ ทุกท่านผ่านการคัดเลือกด้วยความเหมาะสม ขอให้ศึกษาตั้งใจเรียน พร้อมมั่นใจว่าหลักสูตรฯ จะให้ความรู้ และเสริมสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญขอให้นำเครือข่ายไปใช้ประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น โดยไม่เบียดเบียน จนเกิดความไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ปัจจุบันสังคมมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้นภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนรวยรวยขึ้นคนจนจนลง เชื่อว่าทุกคนในที่นี้เป็นอนาคตของชาติ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ขอให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้ ต้องพยายามลดความเหลื่อมล้ำ ขอให้ทุกคนประพฤติตัวอย่างเหมาะสมเพราะจะถูกจับตามองจากสังคม หลักสูตรนี้มีบุคคลจากหลายภาคส่วน หวังว่าทุกคนจะมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างเหมาะสมเพราะทุกคนถูกจับตามองจากประชาชน เป็นผู้บริหารที่สานต่อไปยังอนาคตของประเทศชาติ
@สถานการณ์เมียนมา วางตัวเป็นกลาง
สำหรับเรื่องความมั่นคง โดยเฉพาะสถานการณ์ความมั่นคงในเมียนมา ประเทศไทยยืนยันว่าประเทศไทยมีจุดยืนเป็นกลาง ให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมทุกฝ่าย ไม่ก้าวก่ายกิจการภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ไทยกับเมียนมามีพรมแดนติดต่อกันมากกว่า 2,000 กิโลเมตร มีการเข้าออกได้หลายช่องทาง ซึ่งประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์หากสถานการณ์ในเมียนมาดีขึ้น จึงขอเน้นย้ำจุดยืนของรัฐบาลที่เป็นกลางให้ความช่วยเหลือทุกฝ่ายตามนโยบายของอาเซียน
@แลนด์บริดจ์ อาวุธสำคัญด้านเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง วันนี้รัฐบาลมีโครงการ Landbridge เชื่อมโยงทะเลอันดามันกับอ่าวไทย ซึ่งจะเป็นโครงการที่ส่งเสริมศักยภาพการเดินเรือของไทยและของโลก มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นอาวุธที่สำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวจะสร้างความได้เปรียบให้ไทย สร้างผลตอบแทนมหาศาลแก่คนไทย และด้วยนโยบายเป็นกลางของไทยจะทำให้เส้นทาง Landbridge ของไทยน่าจับตามอง
สำหรับเศรษฐกิจไทย รัฐบาลได้ผลักดันการค้าการลงทุน FTA และขอฝากว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยเหลือผู้ที่อยู่ฐานรากของสังคม ซึ่งประเทศไทยกว่าร้อยละ 40 อยู่ในภาคการเกษตร รัฐบาลมีการป้องกันสินค้าผิดกฎหมาย รวมทั้งรัฐบาลได้ผลักดันสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้มีราคาสูงขึ้นเพราะรัฐบาลประสานความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในการป้องกันการลักลอบการนำยางพาราเข้ามาในประเทศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการให้ความสำคัญกับอากาศสะอาด โดยเฉพาะการป้องกันปัญหา PM 2.5 รัฐบาลยืนยันที่จะเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยในภาคเหนือ รัฐบาลได้ประสานความร่วมมือกับหลายฝ่าย จนทำให้ปัญหาฝุ่นลดลงมาก Hot spot ลดลงมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าความมั่นคงไม่ใช่เฉพาะเรื่องทางทหาร แต่เป็นเรื่องของภัยพิบัติ เกี่ยวข้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วย
@ยอมรับกำลังปรับลดจำนวนทหารเกณฑ์
สำหรับการเกณฑ์ทหาร ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการเกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ นายกรัฐมนตรีเข้าใจดีว่า สถาบันทหารต้องการบุคลากร แต่คนสมัยใหม่ต้องการทางเลือก รัฐบาลกำลังพิจารณาปรับลดจำนวนทหาร รวมทั้งสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความขาดแคลนของหมอและพยาบาลทหาร ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้ผู้ฝึกอบรมได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ได้พบปะกับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ หากใครมีโครงการหรือช่องทางที่ช่วยพี่น้องในระดับฐานรากได้ก็ขอให้ช่วยกัน นายกฯ เชื่อมั่นว่าสังคมไทยจะมั่นคงเมื่อมีฐานรากที่แข็งแกร่ง ซึ่งการรวมตัวกันในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตที่ดี ซึ่งการมีหลักสูตร มีวิทยากรที่ดี มีองค์ความรู้ที่ดี เชื่อว่าจะเสริมสร้างความรู้ มิตรภาพ และส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปาฐกถาของนายกรัฐมนตรี มีผู้ร่วมเรียนหลักสูตรดังกล่าวเข้าฟัง อาทิ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภรรยานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย, นางสาวรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายชัยชนะ เดชเดโช สส.พรรคประชาธิปัตย์ และนายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ คณะทำงานคนสนิทนายกรัฐมนตรี เป็นต้น