'บิ๊กต่าย' จ่อตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริงกรณีหมายจับ 'บิ๊กโจ๊ก' กรอบเวลา 60 วัน สามารถขยายเวลาได้ แต่ยืนยันไม่ยืดเยื้อ ระบุยังไม่สั่งพักราชการ ต้องให้สิทธิ์ผู้ถูกกล่่าวหาชี้แจง ส่วนที่นัดพบ นายกฯ มารายงานกรณีจับบ่อน พนันออนไลน์ ปราบทวงหนี้นอกระบบโหด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 3 เมษายน 2567 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่นัดหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังช่วงบ่ายนี้ เป็นการรายงานความคืบหน้า การสืบสวน ปราบปราม และจับกุมคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด การพนันออนไลน์ การมั่วสุม และการทวงหนี้นอกระบบ และมารายงานขั้นตอนที่จะพิจารณากรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)
@ยังไม่สั่งพักราชการ 'บิ๊กโจ๊ก'
เมื่อถามว่าจะต้องมีการพิจารณาพักราชการพล.ต.อ.สุรเชษฐ์หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐระบุว่า การจะทำอะไรต้องมีกระบวนการขั้นตอนตามลำดับที่จะต้องพิจารณา จะเอาแบบนี้เลยไม่ได้ จะมีกฎหมาย ระเบียบ คำสั่งที่ต้องทำตาม ต้องแยกเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ปัจจุบันพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยการรับเงินเดือน เงินพิเศษ เงินประจำตำแหน่งและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ให้รับที่ต้นสังกัด ดังนั้น ตนจึงเป็นผู้บังคับบัญชาตามกฎหมาย ซึ่งการพิจารณาเรื่องวินัยก็เป็นหน้าที่ของตน ตามมาตรา 105 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565
ในกระบวนการขั้นตอน จะต้องได้รับรายงานจะพนักงานสอบสวนของนครบาล 1 ฉบับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่รายงานมา และฉบับที่ 2 ตัวพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องรายงานว่าต้องคดีอีกฉบับหนึ่ง เมื่อสองรายงานมาที่ สตช. จะถูกส่งต่อไปที่กองคดีอาญา ไม่ได้ส่งต่อมาที่ตน เมื่อกองคดีอาญารวบรวมรายงานแล้ว จึงจะรายงานมาที่ตน เพื่อพิจารณาเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด และกองวินัยก็ต้องรายงานหาที่ตนเช่นกัน ไปเอารายงานทั้ง 2 ส่วนข้างต้น เอาประกอบการพิจารณา
@ตั้งคกก.สืบหาข้อเท็จจริง
การพิจารณาดูว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทำความผิดวินัยเกิดขึ้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องตั้งคณะกรรการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยในเบื้องต้น จะไม่มีการพิจารณาสั่งพักราชการ ออกราชการ หรือสำรองราชการไว้ก่อน เพราะเป็นการปฏิบัติภายใต้กฎก.ตร. ที่กำหนดไว้
" การสืบสวนข้อเท็จจริงจะต้องใช้ระดับไม่ต่ำกว่า ท่านรองสุรเชษฐ์ ซึ่งผมต้องไปพิจารณาว่าจะมอบหมายให้ใคร ยังไม่ถึงกระบวนการนั้นแต่หากการสืบสวนข้อเท็จจริงและปรากฏเหตุออกมาว่ามีการ ทำความผิดวินัยเกิดขึ้น ก็จะเข้าอีกบทบัญญัติของมาตรา 119 ในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอีกระดับหนึ่ง ขั้นตอนนี้แหละครับจะพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไข ตามกฎก.ตร.หรือไม่ เข้าองค์ประกอบที่บัญญัติไว้ในกฎหมายตำรวจปี 65 หรือไม่ในมาตรา 112 ซึ่งมันมีกำหนดไว้อยู่แล้ว ผมจะไม่ใช้ดุลยพินิจ ที่นอกเหนือไปกว่านี้ ก็จะนำมาประกอบการพิจารณาว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย จะต้องให้พรรคหรือให้ออกหรือสำรองหรือไม่ รวมถึงต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงด้วย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าว
@กรอบเวลา 60 วัน ยืดได้แต่ยันไม่ยื้อ
เมื่อถามว่า จะต้องเอาคำสั่งศาล มาประกอบการพิจารณาด้วยหรือไม่ รักษาราชการแทนผบ. ตร.ตอบว่า กองวินัย จะนำมาประกอบการพิจารณาซึ่งมีกำหนดเป็นข้อๆอยู่แล้วว่า ผู้ชี้แจง ผู้รายงานตนต่อคดีอาญาจะต้องรายงานอะไรเป็นข้อๆกำหนดไว้อยู่แล้ว และไม่ว่าจะเป็นชั้นยศใดจะต้องอยู่ภายใต้ บทบัญญัติของกฎหมาย รวมถึงระเบียบและคำสั่ง ซึ่งข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติตามนั้น อย่างพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ต้องปฏิบัติตามนี้เป็นปกติ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐระบุว่า แต่ขอย้ำว่าสิ่งที่มารายงานนายกรัฐมนตรีวันนี้คือ ความคืบหน้าในสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังขับเคลื่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าบ่อนพนันออนไลน์จะต้องไม่มี แก๊งทวงหนี้ที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกจับกุม เรื่องยาเสพติดจะต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาดจริงจัง โดยใช้มาตรการทางกฎหมายมาใช้ แล้วพบว่าถ้าข้าราชการคนไหนเกี่ยวข้อง ก็ต้องดำเนินการไปตาม กฎระเบียบกฎหมาย อยากให้สื่อมวลชนมุ่งไปที่เรื่องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ไม่หวาดระแวงกับสิ่งผิดกฎหมาย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า 30 วันที่นายกรัฐมนตรีกล่าวให้นโยบายที่กองตำรวจไซเบอร์จะต้องจับตัวใหญ่ให้ได้ ทำได้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐระบุว่า สิ่งที่นายกฯกำหนดนั้น รายใหญ่ไม่ใช่จับกุมเว็บใหญ่ แต่เป็นการทลายลงไปถึงระดับล่างทั้งหมด ซึ่งได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ระยะเวลาที่ดำเนินการมีระบุในกฎ ก.ตร.อยู่แล้วที่ 60 วัน สามารถขอขยายเวลาออกไปได้ ทุกอย่างมีขั้นตอน ยืนยันไม่มียื้อเวลา ต้องให้ความเสมอภาคทุกฝ่าย
ช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวถามว่า ความขัดแย้งใน สตช. สร้างความหนักใจในการทำงานหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐตอบว่ส ไม่หนักใจ เพราะ อยากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และผลสะท้อนกลับไปสู่ประชาชน ให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ลดความหวาดระแวงและนำไปสู่ความเชื่อมั่นและศรัทธาโดยอัตโนมัติเอง ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่า ความ ขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธานั้น ก็ขอให้ดูกันไปะไม่มีการพิจารณาสั่งพักราชการ