'วัชรพล' ประธาน ป.ป.ช. เผยคดี ‘บิ๊กโจ๊ก’ เข้าเงื่อนไข ชี้เป็นเรื่องร้ายแรง แต่สำนวนยังไม่ถึงมือกรรมการ ป.ป.ช. ยัน ทำเรื่องนี้ชัดเจน-โปร่งใส ไม่ปล่อยให้เงียบ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2567 พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ กรณี ที่มีการกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก กับพวก กรณีเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บไซต์การพนันออนไลน์ ว่า ป.ป.ช. มีมติไปแล้วว่าจะพิจารณาเรื่องนี้เอง เพราะถือเป็นเรื่องร้ายแรง จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะต้องไต่สวน ตามมาตรา 66 พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
เมื่อถามว่าต้องใช้เวลาพิจารณาเท่าไหร่
พล.ต.อ.วัชรพล ระบุว่า อยู่ที่กระบวนการ เมื่อรับเรื่องมาก็ต้องตรวจสอบ แต่เรายังไม่ได้รับเอกสาร ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
เมื่อถามว่าจะขอข้อมูลจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือไม่ เพราะออกมาแฉว่าจะมีการเปิดโปงข้อมูล
พล.ต.อ.วัชรพล ระบุว่า ถ้าเรื่องส่งมาถึง ป.ป.ช.ก็จะพิจารณา แต่ที่ปรากฎเป็นข่าวยังไม่มี เช่นที่มีการกล่าวโทษกัน หากเรื่องยังมาไม่ถึง ป.ป.ช.ก็พิจารณาไม่ได้
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ต้องตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพราะเป็นเรื่องของตำรวจรุ่นน้อง
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ไม่หนักใจเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน สำคัญคือต้องให้ความเป็นธรรมและตรวจสอบตามหลักฐาน
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะไม่เงียบใช่หรือไม่เพราะสังคมมีความกังวล
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เรื่องนี้เงียบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนสนใจ ยืนยันว่า ป.ป.ช.จะทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน และโปร่งใส
เมื่อถามว่า จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพิ่มหรือไม่
พล.ต.อ.วัชรพล ระบุว่า ต้องมีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อน หากมีหลักฐานเพียงพอต้องไต่สวน ทำได้ 2 กรณี เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานไต่สวนดำเนินการ เมื่อมีมติแล้วก็ต้องส่งเอกสารมาให้คณะกรรมการฯ ดูว่ามีข้อเท็จจริง และหลักฐานอะไรบ้าง หากเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบ ก็จะมีกรรมการ 2 คนทำการไต่สวน แต่หากเป็นเรื่องที่ใหญ่มากคณะกรรมการทุกคนก็จะมาไต่สวน