‘เศรษฐา’ ตอบกระทู้ ‘ชวน’ กรณี อว.สั่งงดรับนักศึกษา ‘อุเทนถวาย’ ยืนยันทั้ง ‘ปทุมวัน-อุเทนถวาย’ เป็นแหล่งผลิตช่างเมืองไทย แต่ปัญหาทะเลาะวิวาทของสองสถาบันก็ต้องจัดการ มองการย้ายสถานที่ดีที่สุด ตัดปัญหา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางสาวศุภมาส อิสรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) กรณีข้อขัดแย้งระหว่างสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย กับสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันว่า แนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากแนวความคิดการให้สัมภาษณ์ของนางสาวศุภมาส เกี่ยวพันถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเคยมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุน 2 สถาบันนี้ มาตั้งแต่สมัยตนเป็นรมว.ศึกษาธิการ จนมาเป็นนายกฯ ก็ได้แก้กฎหมายยกระดับจากที่มีการสอนในระดับปวช. ปวส. มาเป็นการสอนในระดับอุดมศึกษา ภูมิใจว่าสถาบันทั้ง 2 นี้เป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นผลผลิตด้านการช่างจนถึงระดับวิศวกรให้ประเทศ ทำหน้าที่ให้กับบ้านเมืองตลอด ดังนั้นเราจะต้องไม่ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากคนไม่กี่คน ทำลายชื่อเสียงของสถาบันทั้ง 2
นายชวนกล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากคำให้สัมภาษณ์ของรมว.การอุดมศึกษาฯ ที่ได้มีคำสั่งงดรับนักศึกษาใหม่ อาจจะเพื่อต้องการให้จำนวนนักศึกษาลดน้อยลงเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 สถาบันได้ง่ายขึ้น แต่ผลที่ตามมาคือ สถาบันการศึกษาจะไม่สามารถรับนักศึกษาใหม่ประมาณ 600 คนเข้ามาเรียนได้ จะเป็นการสูญเสีย
นอกจากนี้ อยากเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีคำสั่งงดรับนักศึกษา ไม่ว่าสถานการณ์ชาติบ้านเมืองจะมีสงครามหรือเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น อย่างมากที่สุดคือส่งไปเรียนในที่ที่ไม่มีปัญหา ดังนั้น ประเด็นที่รมว.การอุดมศึกษาฯให้สัมภาษณ์ไปนั้นทำให้เกิดความสับสนขึ้นพอสมควร แต่หลังจากสมาคมนักศึกษาฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยต้องเปิดรับนักศึกษาใหม่ รัฐมนตรีจึงเปลี่ยนแปลงคำสั่งว่าสามารถให้อุเทนถวายรับนักศึกษาใหม่ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องส่งนักศึกษาที่รับไปศึกษาที่อื่น
ดังนั้น จึงขอถามว่า ตกลงจะรับนักศึกษาใหม่หรือไม่ ต้องไปเรียนที่ไหน และนักศึกษาปี 2 ปี 3 ปี 4 และปี 5 จะต้องไปศึกษาที่ใด นอกจากนี้การย้ายสถานที่ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่อุเทนถวายต้องย้ายออก และคืนพื้นที่ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เตรียมสถานที่ใหม่ รวมถึงงบประมาณแล้วหรือไม
@ยืนยันต้องย้าย ‘อุเทนถวาย’
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบกระทู้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาระหว่างสถาบันการศึกษา และในฐานะที่เป็นพ่อของคน เมื่อเห็นปัญหาการทะเลาะวิวาท ตนเองรับทราบถึงความรู้สึกของพ่อ แม่ และญาติของเหยื่อที่ประสบเหตุ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจ โดยรัฐบาลจะให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองสถาบันการศึกษาเป็นสถาบันการศึกษาที่มีเกียรติ มีอายุมายาวนาน ผลิตบัณฑิตที่ตรงกับสายงานที่มีความต้องการกับตลาดแรงงานมาหลายสิบปี หลายแสนคน เป็นสถาบันที่ให้ประโยชน์กับประเทศชาติอย่างมาก เพราะว่าตอนที่ตนเดินทางไปหานักลงทุนต่างประเทศเรื่องของการผลิตช่างยนต์ วิศวกร เป็นเรื่องที่ประเทศเรามีความต้องการอย่างมาก จากการที่เราเดินทางไปพบปะกับนักลงทุนข้ามชาติจากทั่วโลก เพื่อดึงดูดให้มาลงทุนในประเทศไทย ถ้าเกิดไม่มีทั้งสองสถาบันนี้ บัณฑิตของประเทศเราก็จะไม่ตรงสายงานที่มีความต้องการกับบริษัทข้ามชาติใหญ่ ๆ ที่จะมาลงทุนมูลค่าหลาย ๆ ล้าน ๆ บาท ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยทุกคน
เพราะฉะนั้น ทั้งสองสถาบันนี้ ถือว่าเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นที่เรื้อรังมายาวนาน ซึ่งเกิดมาจากปัญหาที่มีระยะทางที่ใกล้กันระหว่างสองสถาบัน รัฐบาลพยายามที่จะย้ายวิทยาเขตตรงนี้ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ดูแลกรมธนารักษ์ให้ไปจัดหาพื้นที่ที่จะย้ายออกไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการทะเลาะวิวาทนั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีประกาศกระทรวงออกไปแล้วว่าจะเก็บข้อมูลนักศึกษา เพื่อที่จะใช้ในการติดตามในกรณีที่มีการทะเลาะวิวาทในอนาคต พร้อมจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุ และเฝ้าระวังระงับเหตุร้ายในสถาบัน โดยตนเองได้กระชับฝ่ายความมั่นคง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับทั้งสองสถาบันการศึกษานี้ให้ดูแลเป็นพิเศษ เพิ่มกำลังในวันที่คิดว่าจะมีการทะเลาะวิวาทกัน อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยเหลือหรือป้องกันเท่านั้น ไม่ได้แก้ที่วัฒนธรรม ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความเชื่อของนักศึกษาที่สืบทอดกันมา ซึ่งเป็นค่านิยมที่ผิด ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้น เราต้องตัดปัญหาโดยการย้ายสถานที่เรียนไปที่อื่น เพื่อลดการกระทบกระทั่งระหว่างสองสถาบันนี้ และให้มีการลดการเรียนการสอนนอกสถานที่ พร้อมทั้งปรับลดค่านิยม ลดการกระทบกระทั่งระหว่างรุ่นพี่ที่เป็นแกนนำ ตัดวงจรการสืบทอดวัฒนธรรมที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง อีกทั้งจะกระชับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้ทำงานต่อไป ส่วนปัญหาการสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องการหยุดรับนักศึกษาปี 1 นั้น มีความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร ไม่ได้บอกว่าจะเป็นการหยุดรับนักศึกษาใหม่ แต่ให้ย้ายไปอยู่วิทยาเขตอื่น สำหรับนักศึกษาปีอื่น ๆ นั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจะเป็นคนชี้แจงแผนงานให้ทราบอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้คำแนะนำ และข้อเตือน ถือเป็นการสะกิดใจให้คณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่กระทรวงศึกษาธิการ หรือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างเดียว แต่รวมถึงกระทรวงการคลังด้วย ต้องมีส่วนในการจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม
“ผมเชื่อหลาย ๆ ท่าน รวมถึงตัวผมเองมีความโชคดี เพราะแต่ละคนมาจากรากฐานของครอบครัวที่แตกต่างกันออกไป ผมเองเข้าใจถึงความจำเป็นด้านการศึกษา สำนึกตลอดเวลาว่าบางคนก็โชคดี เช่นลูกผมเองได้มีโอกาสได้เรียนในสถานที่ดี ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้เห็นถึงความสำคัญของชีวิตทางการศึกษาและมีหน้าที่มีการงานทำที่เหมาะสมและเป็นเกียรติ ผมเองในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชนก็อยากให้ลูกหลานพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นยากดีมีจน อยู่ต่างจังหวัดหรือจะเรียนที่วัด หรือที่ไหนก็ตาม อยากยกระดับการศึกษาของทุก ๆ ท่านให้โชคดี ให้มีที่เรียนอย่างเหมาะสม ขอย้ำเรื่องของสถานศึกษาอย่างที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะพยายามหาสถานที่ที่เหมาะสม ตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำกับกรมธนารักษ์ จะดูแลจัดหาพื้นที่เรียนให้เป็นพิเศษอย่างเหมาะสมต่อไป” นายกรัฐมนตรีย้ำ