‘เศรษฐา’ ย้ำเดือน พ.ค. 67 ยังได้ใช้ดิจิทัลวอลเลต ชี้ ‘จุลพันธ์’ ส่งหนังสือถามกฤษฎีกาแล้ว ไม่ต้องล็อบบี้ ก่อนแจงเสียงวิจารณ์แจกไม่ทั่ว แต่เป็นหนี้ทั่วถึงว่า ทำตามที่ ธปท.แนะนำและอธิบายมาเยอะแล้ว ก่อนถามกลับปมวิจารณ์ทำแต่แจกเงิน อย่างอื่นไม่ทำ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า กรณีประชาชนถือป้ายเรียกร้องโครงการเงินดิจิทัลวอลเลตนั้น ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่าส่งคำถามให้คณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ทุกอย่างมีความคืบหน้า
เมื่อถามว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบกลับมาว่าอย่างไรบ้าง นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ทราบ ไม่ได้เป็นคนไปคุย แต่ยืนยันจะทำดีที่สุด ให้เหตุผลที่ดีที่สุดไปแล้วไม่ต้องล็อบบี้
เมื่อถามต่อว่า คำถามที่ส่งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ได้พูดคุยกันว่า โครงการดังกล่าวเร่งด่วนจำเป็นหรือไม่ โดยยืนยันว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นและโครงการนี้ รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบเป็นการยกระดับ ไม่ใช่เป็นการโยนภาระให้นายจ้างอย่างเดียว ตนพยายาม ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรมให้ประชาชนที่อยู่ชายขอบของสังคมโครงการ ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเลต หากออกมาในเดือนพฤษภาคม 2567 อยากให้ลองคิดตามว่าเงินจะเข้าระบบ 4-5 แสนล้านบาท การจ้างงานและการผลิตจะสูงขึ้นหรือไม่นายจ้างจะมีรายได้สูงขึ้นหรือไม่ และการขายของจะดีขึ้นหรือไม่ จึงอยากจะวิงวอน และอ้อนวอน ไม่รู้จะใช้คำอะไรแล้ว
เมื่อถามว่ายังมั่นใจว่าโครงการจะคลอดตามกำหนดในเดือน พฤษภาคม 2567 หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังมั่นใจ ยังไม่มีตัวชี้วัดอะไรออกมาว่าจะไม่สำเร็จ เมื่อถามย้ำว่ามีแนวทางสำรองหรือไม่หากมีปัญหาจนโครงการดังกล่าวไม่ได้ออกมาตามกำหนด นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องดูว่าปัญหามันคืออะไร คำถามที่ออกมาหรือข้อโต้แย้งคืออะไร
@หน่ายอธิบาย ฟังมามากแล้ว
เมื่อถามอีกว่า ขณะนี้มีการสร้างวาทกรรมว่า ใช้ไม่ได้กันทุกคนแต่เป็นหนี้ทั่วถึง นายเศรษฐากล่าวว่า ก็เป็นวาทกรรม คิดว่าอธิบายกันมาเยอะแล้ว ตนฟังนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่บอกว่า อย่าไปแจกทั่ว คนรวยไม่ต้องแจก จึงย้อนถามกลับไปว่าอะไรคือคนรวย ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ดังนั้น ตนจึงชี้เองขีดเอง ว่าคนรวยคือเท่าไหร่ สุดท้ายก็ได้ว่า คนรวยต้องมีเงินฝากต้องมีไม่ถึง 5 แสนบาท และรายได้ต่อเดือนต้องไม่ถึง 7 หมื่นบาท ซึ่งตนก็พยายามรับฟังและทำอย่างเต็มที่
@ถามกลับทำแต่เรื่องดิจิทัลวอลเลต
เมื่อถามอีกว่า มีการออกมาตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลทุ่มเวลาให้กับโครงการดิจิทัลวอลเลต แต่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ออกมาช้า นายกรัฐมนตรีย้อนถามสื่อว่า
“สื่อเห็นว่าตนทำแต่เรื่องดิจิทัลวอลเลตหรือไม่ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ก็ทำเรื่องหนี้นอกระบบ สัปดาห์ก่อนโน้นก็ไปลงพื้นที่ดูเรื่องชายแดน ที่จังหวัดสระแก้ว และก่อนหน้านั้นก็ไปเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการประชุมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคประจำปี 2566 ทุกวันนี้ทำอยู่เรื่องเดียวหรือไม่ และวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ก็จะแก้เรื่องหนี้นอกระบบอีก ไม่ได้ทำเรื่องเดียวเรื่องการท่องเที่ยวเราก็ยังทำ เราทำหลายเรื่องอย่างเต็มที่”
จากนั้นนายเศรษฐา ถามแบบติดตลกกับสื่อมวลชนว่า วันนี้วันอะไร โดยสื่อตอบกลับว่าวันนี้วันเสาร์ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะย้อนถามว่า “แล้วส่วนมากเขาทำอะไรกัน”